สรุปด่วน! ไทยเสียชีวิต 12 เจ็บ 20 เหตุปะทะกัมพูชา กองทัพภาค 2 เรียกร้องหยุดยิงทันที
กองทัพภาคที่ 2 แถลงชัด: “กัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน” – ชี้เป้าพลเรือนเสียชีวิต 12 เจ็บ 20 ในพื้นที่ชายแดนไทย
สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ยกระดับสู่ภาวะวิกฤตเต็มรูปแบบในรอบหลายปี หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะด้วยอาวุธหลายจุดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ ยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากยิงก่อน และมีการใช้อาวุธหนักยิงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนของไทยหลายจุด จนมีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
📌 เหตุการณ์ความรุนแรงเริ่มขึ้นที่ “ปราสาทตาเมือน” ก่อนลุกลามหลายจุดชายแดน
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์ที่กองทัพไทยระบุว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน โดยใช้ปืนใหญ่และจรวดหลายประเภทโจมตี บริเวณตรงข้ามฐานหมู่ป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของไทยใกล้ชายแดน
หลังเกิดเหตุ ทหารไทยเริ่มตอบโต้ทันที โดยใช้กำลังป้องกันฐานที่มั่น และควบคุมสถานการณ์ในระดับเฉพาะจุด แต่การโจมตีของกัมพูชาไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เพราะมีการขยายวงการยิงออกไปอีก หลายพื้นที่ ทั้งเป้าหมายทางทหารและพลเรือน
🚨 กัมพูชาใช้ “BM-21” ยิงใส่พื้นที่พลเรือน – ตาย 12 เจ็บ 20
หนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีรายงานว่า กัมพูชาได้ใช้ จรวด BM-21 ยิงถล่มเข้าใส่ ปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านผือ รวมถึงบริเวณใกล้ฐาน ตชด. 224 ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ และมี ผู้เสียชีวิตรวม 12 ราย และบาดเจ็บอีก 20 ราย
จรวด BM-21 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Grad” เป็นอาวุธรัสเซียรุ่นเก่าที่มีพลังทำลายสูง ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีพื้นที่กว้างและไม่มีความแม่นยำเฉพาะจุด การนำมาใช้กับเป้าหมายพลเรือนจึง เข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมสากล อย่างชัดเจน
🧭 รายงานสรุปพื้นที่ปะทะ – ครอบคลุม 11 จุด ใน 4 จังหวัดชายแดน
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้เปิดเผยว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการยิงปืนใหญ่และจรวด BM รวม 11 พื้นที่ ครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี รายละเอียดดังนี้:
1. บ้านหนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ – กระสุนปืนใหญ่ตก 10 นัด
2. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ – BM-21 ตกใส่ ปตท.และฐาน ตชด.
3. ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี – กระสุนตก แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
4. บ้านขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ – กระสุนปืนใหญ่ตก 5 นัด
5. บ้านสายโท 10 ใต้ ม.2 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ – กระสุนปืนใหญ่ตก 10 นัด
6. บ้านกรวด ม.3 และ ม.5 ต.บ้านกรวด – กระสุนตก 7 นัด
7. บ้านสายโท 12 ใต้ ม.16 ต.สายตะกู – กระสุนปืนใหญ่ตก 3 นัด
8. บ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด – กระสุนตก 3 นัด
9. บริเวณเขาพระวิหาร – ปะทะตั้งแต่ “วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ” จนถึง “ภูมะเขือ”
10. วิทยาลัยการอาชีพ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ – ถูกยิงสนับสนุน
11. ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา – ตกเป็นเป้าหมายร่วมกับบ้านเรือนประชาชน
การกระจายตัวของพื้นที่ยิงแสดงให้เห็นว่า การโจมตีไม่ได้เกิดจาก “อุบัติเหตุ” หรือ “ข้อผิดพลาดเชิงพิกัด” แต่เป็นการ วางแผนโจมตีที่ชัดเจน และรวมถึง พื้นที่ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางทหาร เช่น สถานศึกษาและชุมชนพลเรือน
🏃♂️ การช่วยเหลือประชาชน – อพยพ 8 พื้นที่ชายแดนสูญเสียหนัก
กองทัพภาคที่ 2 และส่วนราชการจังหวัดได้เร่งระดมความช่วยเหลือ โดยมีการ อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงรวม 8 พื้นที่ ได้แก่:
1. อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
2. อำเภอพนมดงรัก จ.สุรินทร์
3. อำเภอกาบเชิง จ.สุรินทร์
4. อำเภอสังขะ จ.สุรินทร์
5. อำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
6. อำเภอน้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี
7. อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี
8. อำเภอนาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
พื้นที่เหล่านี้ถูกจัดให้เป็นเขตอพยพตามแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีการจัดตั้งศูนย์รวบรวมพลเรือน, จัดรถครัวสนามสำหรับประกอบอาหาร และสนับสนุนด้านการแพทย์และสุขาภิบาลจากกองทัพและหน่วยงานราชการในพื้นที่
📣 แถลงการณ์กองทัพไทย – “ไทยยึดหลักมนุษยธรรม แต่ไม่ยอมให้ใครละเมิดอธิปไตย”
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องผ่านสื่อสาธารณะว่า:
“ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา ยุติการกระทำที่ละเมิดอธิปไตย และปฏิบัติตามหลักสากลของกฎหมายมนุษยธรรม ที่ห้ามโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร (Military Objective) โดยเด็ดขาด”
แถลงการณ์ยังระบุชัดว่า ฝ่ายไทยยึดมั่นใน หลักนิติธรรมและคุณค่าของมนุษยธรรมสากล แต่จะ ไม่ยอมรับการโจมตีใด ๆ ที่บ่อนทำลายศักดิ์ศรีของชาติ
🌍 ทิศทางหลังเหตุการณ์ – ไทยเตรียมยื่นประท้วงระดับนานาชาติ
จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงการปรากฏของหลักฐานว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างเตรียมการยื่นเรื่องประท้วงต่อ:
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) หากสถานการณ์ลุกลาม
นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงมาตรการตอบโต้ในระดับ “ความมั่นคง-เศรษฐกิจ” หากฝ่ายกัมพูชาไม่ยุติการกระทำที่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน
💬 เสียงจากประชาชน – “อย่าให้เลือดของผู้บริสุทธิ์สูญเปล่า”
หลังจากเหตุการณ์การโจมตีครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยบนโซเชียลมีเดียและสื่อกระแสหลัก กระแสเรียกร้องจากประชาชนจำนวนมากคือการ ให้รัฐบาลไทยและกองทัพดำเนินการตอบโต้ในระดับเหมาะสม โดยมีทั้งเสียงสนับสนุนให้ใช้มาตรการทางการทูตที่ชัดเจน และเสียงที่เรียกร้องให้ดำเนินการทางทหารหากความรุนแรงไม่ยุติ
“พวกเราไม่อยากเห็นสงคราม แต่หากอธิปไตยของเราถูกเหยียบย่ำ และคนไทยต้องตายเพราะความประมาทของประเทศเพื่อนบ้าน เราก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป” — ความคิดเห็นจากชาวบ้าน อ.กันทรลักษ์
🔚 บทสรุป: แนวชายแดนกำลังลุกเป็นไฟ – ไทยยืนหยัดปกป้องแผ่นดิน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ชายแดนไทย–กัมพูชาขณะนี้ ไม่ใช่เพียงเหตุปะทะทางทหารธรรมดา แต่เป็นการทดสอบความมั่นคงของชาติไทยในทุกมิติ ตั้งแต่ความพร้อมทางทหาร การทูตระดับนานาชาติ ไปจนถึงความสามัคคีของประชาชนในการยืนหยัดร่วมกัน
ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ แต่จะ ไม่ยอมให้การรุกรานใด ๆ บ่อนทำลายศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ














