ทูตกัมพูชาเดือด! เตือนแรงไทย "เช็กเครื่องก่อนบิน ถ้าตกอย่าโทษใคร" ปมดราม่าข้ามประเทศ
ดราม่าการทูตไทย-กัมพูชาระอุ! ฮุน ซาเรือน เอกอัครราชทูตกัมพูชา โพสต์เดือด ก่อนถูกเรียกตัวกลับ – วิจารณ์ไทย “ใช้อารมณ์” พร้อมแซะเครื่องบินอาจตกเอง
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศไทยและกัมพูชายังคงลุกลามขยายตัวจากระดับชายแดนเข้าสู่ความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างชัดเจน เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หลังจาก "ฮุน ซาเรือน" เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ออกมาโพสต์ข้อความ ในลักษณะประชดประชันและเหน็บแนมฝ่ายไทยอย่างรุนแรง ผ่านบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว ท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังดุเดือดบริเวณชายแดน
โพสต์ดังกล่าวไม่เพียงสร้างความไม่พอใจในหมู่ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียของไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้รัฐบาลไทยตัดสินใจดำเนินมาตรการทางการทูตขั้นเด็ดขาด ด้วยการ เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และ ส่งตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศต้นสังกัด เพื่อแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ละเอียดอ่อนเช่นนี้
ปมปะทะชายแดนขยายวง – รัฐบาลไทยตัดสินใจใช้มาตรการทางการทูต
ต้นตอของเหตุการณ์เริ่มจากสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายวัน โดยเฉพาะกรณี ทหารไทยเหยียบกับระเบิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง และเหตุโจมตีด้วยอาวุธปืนใหญ่ BM-21 ซึ่งลุกลามเข้าสู่พื้นที่พลเรือนในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ต่อมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าว ได้ลงนามในคำสั่งทางการทูต เรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และขอให้ เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยเดินทางกลับประเทศเช่นกัน เป็นการตอบโต้เชิงสัญลักษณ์ต่อพฤติกรรมของฝ่ายกัมพูชา
ฮุน ซาเรือน โพสต์เฟซบุ๊กเหน็บไทย – “บริหารใช้อารมณ์ จะไปได้กี่น้ำ”
สิ่งที่จุดชนวนความไม่พอใจของสาธารณชนไทยอย่างรุนแรง คือ โพสต์เฟซบุ๊กของฮุน ซาเรือน เมื่อเขาเขียนข้อความระบุว่า:
“หลังจากผมกลับแล้ว หวังว่าท่านและพวกยังอยู่นะครับ บริหารแบบใช้อารมณ์เช่นนี้ ไม่รู้จะไปได้กี่น้ำ”
ข้อความนี้ถูกตีความว่าเป็นการเหน็บแนมโดยตรงต่อผู้นำไทย และรัฐบาลไทยโดยรวม ว่ามีการใช้อารมณ์ในการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ ซึ่งสวนทางกับหลักการทางการทูตที่ควรตั้งอยู่บนความสุขุม รอบคอบ และไม่ยั่วยุ
ย้อนโพสต์เก่า – “ตรวจเครื่องให้ดีก่อนบิน เผื่อตกเองแล้วโทษคนอื่น”
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อย้อนกลับไปวันที่ 26 มิถุนายน 2568 พบว่า ฮุน ซาเรือน เคยโพสต์ข้อความอีกหนึ่งโพสต์ที่กำลังกลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียล โดยระบุว่า:
“ตรวจสภาพเครื่องให้ดีด้วยนะครับก่อนบิน เผื่อขึ้นบินแล้วตกเอง แล้วกล่าวหาคนอื่นเค้า เสียดายชีวิตนักบิน!!!”
พร้อมแนบลิงก์ข่าวที่ระบุถึงคำแถลงของ ผู้บัญชาการทหารอากาศไทย ที่ประกาศความพร้อมในการส่งเครื่องบินรบเข้าสู่พื้นที่ชายแดนภายใน 5 นาที หากเกิดเหตุความรุนแรงหรือใช้กำลังระหว่างสองประเทศ
ข้อความนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการ ดูแคลนกองทัพอากาศไทย และมีลักษณะประชดประชันถึงความพร้อมในการใช้กำลัง ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งทางการทูตระดับสูง
บัญชีเฟซบุ๊กหายปริศนา – ปิดเองหรือถูกแบน?
หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปในวงกว้าง ล่าสุดมีรายงานว่า บัญชีเฟซบุ๊กของฮุน ซาเรือน ได้หายไปจากระบบ โดยไม่สามารถค้นหาได้แล้วในขณะนี้
ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าบัญชีดังกล่าวถูก ปิดโดยเจ้าตัวเอง หรือถูก เฟซบุ๊กแบน เนื่องจากฝ่าฝืนนโยบายของแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตไทยจำนวนมากได้รวมตัวกันรายงานบัญชีดังกล่าว โดยระบุว่าเนื้อหาที่โพสต์ ก่อให้เกิดความเกลียดชัง และยั่วยุความขัดแย้งระหว่างประเทศ
วงการทูตจับตา – ส่อเค้าร้าวลึกระหว่างสองประเทศ
ในวงการนักการทูตและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การกระทำของฮุน ซาเรือนถูกมองว่าเป็น “ตัวอย่างของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในบริบทของการทูต” เนื่องจากเอกอัครราชทูตถือเป็นผู้แทนรัฐบาลและผู้นำประเทศของตน การแสดงออกที่ไม่ระมัดระวังเช่นนี้อาจสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ระยะยาว
“เอกอัครราชทูตมีหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ ไม่ใช่ยั่วยุหรือพูดย้อนท้าทาย แม้จะมีความเห็นส่วนตัว แต่เมื่ออยู่ในสถานะทางการทูต คำพูดของเขาคือคำพูดของรัฐ” – นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์แห่งหนึ่งกล่าว
ประชาชนไทยไม่พอใจ – แฮชแท็ก #ฮุนซาเรือน ติดเทรนด์
บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) และเฟซบุ๊ก มีการพูดถึงกรณีของ #ฮุนซาเรือน อย่างกว้างขวาง ผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมของนักการทูตผู้นี้ และเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศของไทย ประท้วงอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลกัมพูชา และ ไม่รับตัวเขากลับเข้ามาประจำการอีกในอนาคต
นักวิชาการเตือน – ไทยต้องรักษาความสงบไว้ในมือ
แม้ฝ่ายไทยจะมีสิทธิ์ตอบโต้ด้วยมาตรการทั้งทางการทูตและยุทธศาสตร์ แต่ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเตือนว่าควรรักษาความสงบและดำเนินการตามหลักสากล โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์กำลังเปราะบาง การปะทะกันด้วยถ้อยคำทางการเมืองจะยิ่งสร้างความเสียหายแก่ทั้งสองประเทศในระยะยาว
“ขอให้มองว่านี่คือบทเรียนการทูตสมัยใหม่ที่ต้องใช้ทั้งสมองและน้ำใจ ไม่ใช่อารมณ์ หากไทยรักษามาตรฐานทางการทูตได้ดี จะยิ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ในเวทีโลก” – ศ.ดร.นักวิชาการด้านนโยบายต่างประเทศระบุ
บทสรุป – โซเชียลไม่ลืม แต่การทูตต้องก้าวข้ามอารมณ์
กรณีของ ฮุน ซาเรือน สะท้อนความซับซ้อนของสถานการณ์ทางการทูตที่กำลังถูกท้าทายด้วย “โซเชียลมีเดีย” ซึ่งนักการทูตในปัจจุบันจำเป็นต้องระมัดระวังในทุกถ้อยคำ เพราะทุกโพสต์สามารถกลายเป็นวิกฤตระหว่างประเทศได้ภายในไม่กี่วินาที
การดำเนินการของรัฐบาลไทยในการ เรียกตัวเอกอัครราชทูตกลับ และแสดงจุดยืนชัดเจนต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เป็นแนวทางที่สมดุลระหว่างการรักษาอธิปไตยและการเคารพต่อระบบการทูต
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในระยะต่อไปคือการ สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี และหาทางออกโดยปราศจากความรุนแรง เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ
---













