นาทีระทึก! พนักงานเล่านาทีระเบิดลงกลางร้านสะดวกซื้อ ก่อนวิ่งหนีตายสุดชีวิต”
วิกฤตชายแดนเดือด! ปืนใหญ่กัมพูชาตกใส่ร้านสะดวกซื้อกลางปั๊มน้ำมันที่ศรีสะเกษ ดับสลด 8 ศพ – พลเรือนเจ็บ-หนีตายวุ่น รัฐเร่งอพยพประชาชน
วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตจังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ล่าสุดมีรายงานเหตุการณ์รุนแรงที่สร้างความสะเทือนใจอย่างมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชาตกใส่ ร้านสะดวกซื้อภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้มีพลเรือนเสียชีวิตมากถึง 8 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี และกำลังสร้างแรงกระเพื่อมทั้งในด้านความมั่นคง ความเชื่อมั่นของประชาชน และทิศทางของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน
แรงระเบิดกลางวันแสก ๆ – เสียงจากพนักงานผู้รอดชีวิต
จากการสัมภาษณ์ พนักงานสาวผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ ซึ่งในขณะนั้นกำลังปฏิบัติงานอยู่ภายในร้านสะดวกซื้อ เธอเล่าว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ
“ตอนนั้นตนกำลังจัดของอยู่ภายในร้าน อยู่ดี ๆ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นหลายนัดติดกัน ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็วภายในร้าน ตนตกใจมาก รีบหนีออกจากประตูหลังของร้านแบบไม่คิดชีวิต” – พนักงานหญิงเล่าด้วยน้ำเสียงสั่น
เธอถือเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถ หนีตายออกมาจากเหตุการณ์ได้อย่างหวุดหวิด ขณะที่เพื่อนร่วมงานและลูกค้าหลายคนที่อยู่ภายในร้านในขณะนั้นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
สถานีบริการน้ำมันกลายเป็นจุดอันตราย – ไฟลุกท่วมทั่วบริเวณ
หลังจากระเบิดปืนใหญ่ตกลงยังบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ภายในตำบลบ้านผือ แรงระเบิดไม่เพียงทำลายร้านสะดวกซื้อ แต่ยังทำให้เกิด เปลวเพลิงลุกไหม้รุนแรงทั่วทั้งพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการควบคุมเพลิง ขณะที่การค้นหาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตต้องทำด้วยความระมัดระวัง
จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากตัวโรงพยาบาลอำเภอกันทรลักษ์ไม่ถึง 10 กิโลเมตร และเป็นพื้นที่ พลุกพล่าน มีชุมชนอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงทำให้การเสียชีวิตของพลเรือนในครั้งนี้สร้างความเศร้าโศกอย่างลึกซึ้งให้กับคนในพื้นที่ และจุดกระแสความไม่พอใจต่อการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน
อาวุธตกเกินระยะเป้าหมาย – อำเภอกันทรลักษ์ไร้บังเกอร์ป้องกัน
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระบุว่า การยิงกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาเข้ามาในเขตประเทศไทยในครั้งนี้มีจำนวนมากถึง ไม่น้อยกว่า 10 นัด โดยมีระยะหวังผลไกลจนถึง ใจกลางอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนรับมือความขัดแย้ง เนื่องจากเดิมทีเชื่อว่าพื้นที่แนวปะทะจะจำกัดอยู่เฉพาะแนวชายแดนเท่านั้น
ปัญหาสำคัญคือ ในตัวอำเภอกันทรลักษ์ไม่มีสิ่งปลูกสร้างสำหรับหลบภัยหรือบังเกอร์ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่มีที่กำบังจากการโจมตี และเกิดความหวาดกลัวเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะเมื่อกระสุนบางลูกตกลงใกล้กับโรงเรียน โรงพยาบาล และพื้นที่ชุมชนหนาแน่น
ประกาศเตือนด่วน – อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงทันที
หลังเกิดเหตุรุนแรงดังกล่าว หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับฝ่ายปกครองท้องถิ่น ได้ออกคำสั่ง อพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงโดยด่วน โดยเฉพาะบริเวณใกล้แนวชายแดน และในอำเภอกันทรลักษ์ทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้ง ศูนย์อพยพชั่วคราว และจุดพักพิงสำหรับผู้ที่ต้องหลบภัย โดยมีการระดมทรัพยากร เช่น อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็น เพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความเสียหาย: ตัวเลขที่ไม่อาจละสายตา
จากการสำรวจเบื้องต้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนี้มีทั้งในด้านชีวิต ทรัพย์สิน และจิตใจของประชาชน โดยมีรายละเอียดดังนี้:
ผู้เสียชีวิต: อย่างน้อย 8 ราย (ทั้งหมดเป็นพลเรือน)
ผู้ได้รับบาดเจ็บ: มากกว่า 12 ราย บางรายอาการสาหัส
อาคารเสียหาย: ร้านสะดวกซื้อ, ปั๊มน้ำมัน, บ้านเรือนโดยรอบ
ยานพาหนะ: รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในรัศมีแรงระเบิดพังเสียหายหลายคัน
จิตใจของประชาชน: หวาดผวา หวั่นวิตกถึงความปลอดภัยในระยะยาว
ปฏิกิริยาของรัฐบาล – เตรียมตอบโต้ระดับชาติ
หลังการรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการเรียกประชุมด่วนร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อประเมินสถานการณ์ พร้อมทั้งเตรียมดำเนินการในระดับนโยบายทั้งทางทหาร การทูต และการช่วยเหลือประชาชน
“รัฐบาลไทยขอประณามการกระทำที่เป็นภัยต่อพลเรือนและละเมิดอธิปไตยของชาติอย่างรุนแรง เราจะไม่ยอมให้ประชาชนไทยต้องตกเป็นเหยื่อของสงครามที่พวกเขาไม่ได้ก่อ” – นายกรัฐมนตรีแถลงต่อสื่อมวลชน
เสียงจากประชาชน – ต้องการคำอธิบายจากกัมพูชา
บนโลกโซเชียลมีเดีย ชาวไทยจำนวนมากเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชา แสดงความรับผิดชอบและชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการใช้อาวุธหนักโจมตีเข้ามาในเขตที่ไม่มีการสู้รบ และมีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่
หลายฝ่ายยังเรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ออกแถลงการณ์หรือตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) อย่างชัดเจน
วิเคราะห์เบื้องหลัง – ตั้งใจหรือยิงพลาด?
แม้ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดจากฝ่ายกัมพูชา แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ทหารหลายรายตั้งข้อสังเกตว่า การที่กระสุนปืนใหญ่ตกเข้าในเขตเมืองซึ่งไม่มีฐานทหารหรือเป้าหมายยุทธศาสตร์ อาจสะท้อนถึง ความผิดพลาดในการกำหนดเป้าหมาย หรืออาจเป็น ความตั้งใจในการส่งสัญญาณทางการเมืองหรือการทหาร
การที่กระสุนปืนใหญ่ตกใกล้โรงพยาบาลและร้านสะดวกซื้อ ยังทำให้เกิดคำถามว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศหรือไม่ และหากใช่ จะมีมาตรการใดจากไทยหรือองค์กรระหว่างประเทศต่อไป
บทสรุป: เส้นบาง ๆ ระหว่างการปะทะกับภัยสงคราม
เหตุการณ์ในอำเภอกันทรลักษ์ครั้งนี้ สะท้อนภาพอันโหดร้ายของสงครามที่อาจปะทุขึ้นจากการยั่วยุหรือความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย และตอกย้ำให้ทุกฝ่ายเห็นว่า สงครามไม่ได้เลือกเหยื่อ และเหยื่อส่วนใหญ่คือประชาชนผู้บริสุทธิ์
ประเทศไทยจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ แต่เด็ดขาด เพื่อรักษาอธิปไตย ปกป้องชีวิตประชาชน และเรียกร้องความเป็นธรรมจากฝ่ายกัมพูชา ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นระบบและทันที













