เดือด! กัมพูชายิงปะทะบริเวณปราสาทตาเมือนรม ไทยส่งทหารรายงานสถานการณ์ด่วน
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระอุ! เผยเสียงโดรนบินวนเหนือปราสาทตาเมือนธม ก่อนเกิดเหตุยิงปะทะที่ชายแดน
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ได้รายงานสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีการตรวจพบเสียงอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณด้านหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจจับตัวอากาศยานดังกล่าวได้ด้วยสายตา แต่เสียงที่ได้ยินอย่างชัดเจนสร้างความหวาดระแวงให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่ดูแลพื้นที่เป็นอย่างมาก
เสียงโดรน UAV ของกัมพูชาบินวนเหนือปราสาทตาเมือนธม สัญญาณความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น
อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน UAV ถือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการลาดตระเวนและเก็บข้อมูลข่าวสารในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มีข้อพิพาทหรือความขัดแย้งอยู่ก่อนแล้ว การที่หน่วยเฉพาะกิจไทยได้ยินเสียงโดรนของกัมพูชาบินวนในบริเวณดังกล่าวจึงถือเป็นสัญญาณเตือนภัยที่สำคัญ ซึ่งสามารถชี้ว่าสถานการณ์ที่ชายแดนมีความตึงเครียดและอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่รุนแรงได้ในอนาคตอันใกล้
กำลังพลกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือเดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามชายแดน
หลังจากเหตุการณ์เสียงโดรนบินวนอยู่นั้น ทางฝ่ายกัมพูชาได้เคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธหนักเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าของแนวลวดหนามกั้นพรมแดน ไทย-กัมพูชา โดยพบกำลังพลของกัมพูชาประมาณ 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือ รวมทั้งอาวุธ RPG (Rocket-Propelled Grenade) ซึ่งเป็นอาวุธหนักที่มีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูง เดินเท้าเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทย
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยต้องเร่งใช้วิธีการเจรจาด้วยการตะโกนสั่งให้ฝ่ายกัมพูชาหลีกเลี่ยงการขยายความขัดแย้ง และพยายามลดความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลายกลายเป็นการปะทะกันอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งการเจรจาด้วยวาจาในสถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นทางเลือกแรกที่ทั้งสองฝ่ายมักใช้เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ความรุนแรง
ฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดน เตรียมรับสถานการณ์ที่อาจลุกลาม
เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณชายแดน รวมถึงการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดตลอดแนวเขตชายแดนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจลุกลามไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น โดยมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและอุปกรณ์สำหรับลาดตระเวนเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองและปฏิบัติการที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
เกิดเหตุยิงปะทะ! ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่ฐานปฏิบัติการไทย
เวลาประมาณ 08.20 น. ของวันเดียวกัน ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงปืนใส่บริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทยทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ในระยะห่างประมาณ 200 เมตร เหตุการณ์นี้สร้างความตึงเครียดอย่างมากในพื้นที่ และถือเป็นการขยายวงความขัดแย้งที่เดิมทีมีความอ่อนไหวระหว่างสองประเทศ
จากข้อมูลเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่สถานการณ์ยังคงอยู่ในความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงที่จะลุกลามไปเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
ความสำคัญของปราสาทตาเมือนธมในบริบทชายแดน
ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เป็นโบราณสถานที่สำคัญ และเป็นจุดที่มีความละเอียดอ่อนทางการเมืองและความมั่นคง เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนกัมพูชา โดยพื้นที่บริเวณนี้มักจะเป็นจุดที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตแดนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาไม่ใช่เรื่องใหม่ และมักสร้างความวิตกกังวลให้กับชุมชนในพื้นที่
การเฝ้าระวังและมาตรการตอบโต้ของฝ่ายไทย
หลังจากเกิดเหตุการณ์ยิงปะทะ ฝ่ายไทยได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เป็นการด่วน โดยมีการส่งกำลังเสริมและเครื่องมืออุปกรณ์ลาดตระเวนเพื่อเฝ้าตรวจการณ์บริเวณชายแดนอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีการประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงลุกลามไปยังพื้นที่ชุมชนในบริเวณใกล้เคียง
บทสรุป: สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นี้ แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดที่ยังคงมีอยู่ระหว่างสองประเทศในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีความละเอียดอ่อนทางการเมือง
เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายควรใช้ความระมัดระวังสูงสุดเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะที่อาจลุกลามเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งใหญ่ พร้อมทั้งเสริมสร้างการเจรจาและการสื่อสารระหว่างกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีและป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
กองทัพบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะรายงานข้อมูลความคืบหน้าให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
---





















