สะเทือนชายแดน! แก๊งแอดเวนเจอร์ไทยรวมพล ปราสาทตาเมือนธม วัยรุ่นเขมรมีหนาว

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา เดือดไม่หยุด! วัยรุ่นเขมรป่วน “ปราสาทตาเมือนธม” จุดชนวนความตึงเครียดครั้งใหม่ – คนดังไทยประกาศรวมพลตอบโต้

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์ที่จุดชนวนความไม่พอใจอย่างหนักในฝั่งไทย เมื่อกลุ่มวัยรุ่นชาวกัมพูชาถูกจับภาพได้ว่าได้ขึ้นไปบริเวณ “ปราสาทตาเมือนธม” และแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้วยการแสดง “สัญลักษณ์นิ้วกลาง” ใส่กล้อง ขณะยืนอยู่ด้านหน้าพื้นที่ซึ่งคนไทยให้ความเคารพ เนื่องจากเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติไทย

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงจุดประกายความไม่พอใจในหมู่ประชาชนเท่านั้น แต่ยังทำให้กลุ่มคนไทยจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่ชายแดนและในโลกออนไลน์ ลุกฮือขึ้นแสดงพลังรักชาติ พร้อมประกาศจุดยืนในการปกป้องแผ่นดินและมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ส่งผลให้การรวมตัวบริเวณปราสาทตาเมือนธมในช่วงวันที่ 26–27 กรกฎาคม 2568 กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ทั้งสองประเทศต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

จุดเริ่มต้นของความตึงเครียด: วัยรุ่นเขมรป่วนพื้นที่พิพาท

ต้นตอของความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่อมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอและภาพถ่ายของกลุ่มวัยรุ่นชาวกัมพูชากลุ่มหนึ่งที่ได้เดินทางมาถึงบริเวณ ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา จังหวัดสุรินทร์ โดยในภาพแสดงให้เห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ได้แสดงพฤติกรรมยั่วยุ อาทิ การชูนิ้วกลางต่อหน้ากล้อง พร้อมข้อความท้าทายเจ้าหน้าที่และชาวไทยอย่างโจ่งแจ้ง

พฤติกรรมดังกล่าวได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ให้ความสำคัญกับอธิปไตย ความมั่นคงของชาติ และการเคารพต่อพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากปราสาทตาเมือนธมนั้น เป็นหนึ่งในจุดพิพาททางเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่เคยเป็นประเด็นขัดแย้งทางการทูตมาแล้วหลายครั้งในอดีต

ปราสาทตาเมือนธม: สัญลักษณ์แห่งความขัดแย้ง

ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กับชายแดนกัมพูชา และถือเป็นโบราณสถานสำคัญในศิลปะขอมโบราณ เป็นที่เคารพของชาวไทยในพื้นที่มาอย่างยาวนาน

แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะอยู่ในพื้นที่ที่มีการบริหารงานโดยฝ่ายไทย แต่ก็เคยเกิดข้อพิพาททางดินแดนระหว่างสองประเทศ เนื่องจากลักษณะของชายแดนที่ไม่แน่ชัด และมีพื้นที่คาบเกี่ยวในบางจุด เหตุการณ์ในอดีตไม่ว่าจะเป็นกรณี "ปราสาทพระวิหาร" หรือการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาในปี 2553–2554 ล้วนมีรากฐานมาจากความละเอียดอ่อนของพื้นที่ชายแดนในภูมิภาคนี้

ดังนั้นเมื่อกลุ่มวัยรุ่นกัมพูชาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบริเวณปราสาทตาเมือนธม จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก และกลายเป็นประเด็นที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว ทั้งในเชิงวัฒนธรรม ความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

การรวมตัวของ “แก๊งน้ำไม่อาบ” สองฝั่ง: ไทย–กัมพูชา เตรียมปะทะ?

ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ยั่วยุบนปราสาทตาเมือนธม มีรายงานจากโซเชียลมีเดียว่า กลุ่มวัยรุ่นฝั่งกัมพูชา ซึ่งตั้งกลุ่มชื่อว่า “แก๊งน้ำไม่อาบเขมร” ได้มีการนัดหมายรวมตัวกันบริเวณปราสาทตาเมือนธมในวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 โดยประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะมายืนแสดงพลังในจุดเดิมที่เคยเกิดเหตุการณ์ เพื่อยืนยันว่า "พื้นที่นี้เป็นของเขมร"

ขณะที่ฝั่งไทย ก็ไม่ได้นิ่งเฉย กลุ่มวัยรุ่นไทยที่ตั้งกลุ่มในนาม “แก๊งน้ำไม่อาบไทย” ได้มีการโพสต์ตอบโต้และประกาศเช่นกันว่า จะรวมตัวเดินทางไปยังปราสาทตาเมือนธมในวันเดียวกัน เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยและแสดงพลังความรักชาติ โดยมีการเชิญชวนผ่านโซเชียลอย่างคึกคัก พร้อมติดแฮชแท็กอย่าง #รักชาติ #ปกป้องแผ่นดินเกิด ที่กำลังติดเทรนด์บนแพลตฟอร์มต่างๆ

คนดังไทยร่วมแสดงจุดยืน: “ลีน่าจัง”, “กัน จอมพลัง”, “เจ๊เอ๋” ประกาศร่วมขบวน

นอกเหนือจากประชาชนทั่วไปที่ลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้แล้ว ยังมีคนดังและอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยหลายคนที่ประกาศเข้าร่วมกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม โดยให้เหตุผลว่า ต้องการไปสังเกตการณ์ และแสดงพลังรักชาติอย่างสงบ

ลีน่าจัง หรือ ดร.ลีนา จังจรรจา นักกฎหมายและนักการเมืองหญิงชื่อดัง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า

 “ไอ้เขมร เจอกัน 26 กรกฎา 2568 ที่ปราสาทตาเมือนธม”

กัน จอมพลัง นักเคลื่อนไหวสายโซเชียลชื่อดัง โพสต์เชิญชวน FC ของเขาให้เดินทางไปพร้อมกัน โดยระบุว่า

 “วันเสาร์ที่ 26 ก.ค. เวลา 11 โมง ผมขอเชิญ FC ทุกคนใส่ชุดดำไปเจอกันที่บังเกอร์ 1 ตรงปราสาทตาเมือนธม ผมจะพาไปเยี่ยมชมปราสาทด้วยตัวเอง และไปดูจิ๊กโก๋กัมพูชาที่ห้าวๆ ในปราสาทครับ”

เจ๊เอ๋ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังสายบันเทิง โพสต์ว่า

“ประกาศ! แว่วๆ ว่า 27 นี้ฝั่งเขมรรวมตัวขึ้นป่วนปราสาท วัยรุ่นไทยว่าไง รักชาติก็ออกมาเช็คอินกันจร้า”

การออกมาประกาศจุดยืนของบุคคลสาธารณะเหล่านี้ทำให้สถานการณ์ยิ่งได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างแพร่หลาย และอาจนำไปสู่การรวมตัวในพื้นที่ชายแดนที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

เสี่ยงเกิดความรุนแรง? – รัฐไทย–กัมพูชา ต้องจับตา

แม้เบื้องต้นการรวมตัวทั้งสองฝั่งจะอ้างว่ามีเป้าหมายเพียงการแสดงพลังโดยสงบ แต่หลายฝ่ายก็กังวลว่าการเผชิญหน้าของกลุ่มวัยรุ่นที่มีอารมณ์ร่วมทางชาติพันธุ์สูง อาจนำไปสู่ความวุ่นวายหรือความรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้

นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศบางรายออกมาเตือนว่า หากรัฐบาลทั้งสองประเทศไม่ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อควบคุมสถานการณ์ อาจมีความเสี่ยงที่การปะทะกันในโลกโซเชียลจะลุกลามกลายเป็นการปะทะกันทางกายภาพ และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภาพรวม

สรุป: ไทย–กัมพูชา กับรอยร้าวทางวัฒนธรรมที่ต้องระวัง

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนของความเปราะบางทางความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์ การศึกษา การตีความอัตลักษณ์ และการใช้สื่อโซเชียลเป็นเครื่องมือยั่วยุทางการเมืองและอารมณ์

ภาครัฐของทั้งสองประเทศควรเร่งเข้าไปดูแลสถานการณ์ ก่อนที่ความตึงเครียดที่เริ่มต้นจากวัยรุ่นในโซเชียลมีเดีย จะลุกลามกลายเป็นความเสียหายที่ยากจะแก้ไข โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่เคยผ่านประสบการณ์รุนแรงมาแล้วในอดีต

สิ่งที่ควรเกิดขึ้นจากนี้คือ “สติ” ของประชาชนทั้งสองฝั่ง และ “การทูตเชิงสร้างสรรค์” ที่นำไปสู่การเยียวยาความเข้าใจผิด เพื่อให้ชายแดนไทย–กัมพูชา ไม่กลายเป็นสนามรบทางอารมณ์ครั้งใหม่ของคนรุ่นใหม่ ที่ควรใช้พลังไปในทางสร้างสรรค์มากกว่าการปะทะ