น้ำท่วมฟิลิปปินส์ สูญหาย 2 และ ไร้ที่อยู่อาศัยอีกหลายพัน
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น กล่าวว่า "น้ำท่วมที่เกิดจากฝนที่ตกหนัก ทำให้ผู้คนในกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ ต้องหยุดชะงักลง โดยประชาชนหลายหมื่นคน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ประชายคนไร้ที่อยู่อาศัยประมาณพันราย และ มีผู้สูญหายอย่างน้อย 2 คน" และ "โรงเรียนกับสำนักงานราชการ ในมะนิลาและจังหวัดโดยรอบ ถูกปิดทำการแล้ว หลังจากฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา [ตามเวลาท้องถิ่น] จนทำให้แม่น้ำมาริกินาเอ่อล้นตลิ่ง..."
ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ มากกว่า 23,000 คน ต้องอพยพออกไปในช่วงกลางคืน โดยต้องหลบภัยอยู่ในโรงเรียน ศาลาประชาคม และ ลานบ้านที่มีหลังคา โดยประชาชนอีก 25,000 คน ได้รับการอพยพออกจาก เมืองเกซอนและคาโลโอกัน ในเขตมหานคร
"วิลเมอร์ แทน" จากสำนักงานกู้ภัย "มาริกินา" กล่าวว่า "โดยปกติแล้ว ผู้คนเหล่านี้มักมาจากพื้นที่ลุ่ม เช่น ริมลำธารที่ไหลลงสู่แม่น้ำ" และ "ระดับน้ำในแม่น้ำสูงถึง 18 เมตร..."
ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน "จอห์น พอล เนียเตส" กล่าวว่า "หญิงชรารายหนึ่งและคนขับรถของเธอ ถูกพัดลงไปในลำธารที่น้ำเอ่อล้น ในขณะที่พวกเขากำลังพยายามข้ามสะพาน ในเมืองคาโลโอกัน" และ "ซึ่งตอนนี้รถของพวกเขาถูกกู้ขึ้นมาแล้ว แต่ปฏิบัติการกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งจนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่พบพวกเขาทั้งคู่อยู่ดี"
สภาลดและจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า "ฝนมรสุมที่ยังคงตกต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และ สูญหายอีก 7 ราย ในภาคกลางและภาคใต้ของฟิลิปปินส์ นับตั้งแต่พายุโซนร้อนวิพา เคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา [ตามเวลาท้องถิ่น]" และ "พายุหรือไต้ฝุ่นอย่างน้อย 20 ลูก พัดถล่มหรือเข้าใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ทุกปี" และ "พายุที่ร้ายแรงและสร้างความเสียหาย มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นั่นเอง..."
เจ้าหน้าที่กวาดถนน "อเวลินา ลูมังทัด" วัย 61 ปี ในกรุงมะนิลา กล่าวว่า "มันยากมากเลยที่จะอยู่ในจุดที่น้ำท่วม เพราะถ้าฝนยังตกต่อเนื่อง... ระดับน้ำในแม่น้ำก็จะสูงขึ้น" และ "น้ำท่วมคราวนี้ มันอันตรายมากเลยนะ"




















