จบคดีสะเทือนใจ! สาวขับ BMW ชน 3 แม่ลูกดับ ยอมจ่าย 5.5 ล้านชดใช้ครอบครัวผู้สูญเสีย
ย้อนรอยคดีสะเทือนใจ: สาวซิ่ง BMW ชน 3 แม่ลูกเสียชีวิตที่ชุมพร ก่อนหอบแมวหนี ล่าสุดรับสารภาพ-ชดใช้ 5.5 ล้านบาท
หนึ่งในคดีอุบัติเหตุที่กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมไทย ตลอดช่วงปลายปี 2567 ถึงกลางปี 2568 คือกรณีของหญิงสาววัย 30 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์ BMW ชนเข้ากับรถจักรยานยนต์จนเป็นเหตุให้ แม่ลูก 3 คนเสียชีวิต ที่จังหวัดชุมพร โดยคดีนี้ไม่ได้สะเทือนใจเพียงเพราะความรุนแรงของอุบัติเหตุ แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมของผู้ขับขี่ที่หลบหนีจากที่เกิดเหตุโดยให้เหตุผลว่า “ขอตามหาแมว”
ล่าสุด ทนายความชื่อดัง “ทนายแก้ว” หรือ พ.ต.ท.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าในคดีว่า จำเลยได้เปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และตกลงชดใช้เงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนเงินรวม 5.5 ล้านบาท
คดีสะเทือนขวัญบนถนนชนบทในชุมพร: 3 ชีวิตต้องจบลงกลางถนน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 บนถนนทางหลวงชนบทสายหนึ่งในจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแพทย์และหน่วยกู้ภัยได้เข้าตรวจสอบพื้นที่หลังได้รับแจ้งเหตุรถชนรุนแรง เมื่อไปถึงพบภาพอันน่าสลดใจ
ผู้เสียชีวิตรายแรกคือ นายกฤตเมธ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยม ถูกชนร่างกระเด็นกระแทกพื้นถนน มีบาดแผลฉกรรจ์และกระดูกหักหลายแห่ง
ห่างออกไปใกล้บริเวณเกาะกลางถนน พบศพ นางเย็นจิตร อายุ 52 ปี และ ด.ญ.บุณยานุช อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นแม่และน้องสาวของนายกฤตเมธ ทั้งสองถูกชนอัดกระเด็นตกจากสะพาน เสียชีวิตในสภาพศีรษะแตกและร่างกายบอบช้ำอย่างรุนแรง
บริเวณจุดเกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตในสภาพพังยับเยิน และห่างออกไปเกือบ 100 เมตร พบรถยนต์ BMW สีดำ จอดหันหัวสวนเลน ด้านหน้าขวาของรถพังยับ และล้อหลังขวาเสียหายหนัก แต่ไม่พบคนขับในที่เกิดเหตุ
หลักฐานมัดแน่น: ความเร็ว 207 กม./ชม. – ขวดสุราในรถ – บัตรประชาชนตกอยู่
เจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในรถยนต์พบกระเป๋าเงินที่ระบุชื่อเจ้าของคือ นางสาวภารดา (นามสมมุติ) พร้อมบัตรประชาชน และยังพบขวดสุรายี่ห้อดังวางอยู่ในช่องเก็บของด้านหน้า ซึ่งกลายเป็นหลักฐานสำคัญประกอบการดำเนินคดี
เพจข่าวออนไลน์ชื่อดังหลายแห่ง เช่น “อีซ้อขยี้ข่าว” และ “ปั่น” ยังได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมจากคลิปวงจรปิดและหลักฐานที่สังคมออนไลน์ส่งต่อกัน โดยระบุว่ารถ BMW คันดังกล่าว วิ่งมาด้วยความเร็วสูงถึง 207 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนเกิดอุบัติเหตุ
จุดเดือดของสังคม: “ช่วยดูแมวหน่อย” คำพูดที่โลกไม่ลืม
สิ่งที่จุดกระแสความโกรธแค้นไปทั่วประเทศไม่ได้เกิดจากตัวอุบัติเหตุเท่านั้น แต่เป็นพฤติกรรมของผู้ขับขี่หลังเกิดเหตุ โดยจากคำให้การของชาวบ้านและโพสต์ในโซเชียลมีเดียหลายแหล่งระบุว่า หลังจากรถชนรุนแรง หญิงสาวเจ้าของรถได้ ลงมาจากรถ เดินหาน้องแมวที่ติดรถมาด้วย ก่อนกล่าวกับชาวบ้านว่า:
“ช่วยดูแมวให้หน่อย ไม่รู้ว่าแมวอยู่ตรงไหน เจ็บหรือเปล่า”
เธออุ้มแมวออกจากรถและ รีบเดินหายไปจากที่เกิดเหตุทันที โดย ไม่สนใจเหยื่อทั้ง 3 รายที่นอนเสียชีวิตและบาดเจ็บอยู่กลางถนน
เหตุการณ์นี้ทำให้โลกออนไลน์เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง จนเกิดแฮชแท็ก “#ตามหาแมวก่อนช่วยคน” สะท้อนความรู้สึกของผู้คนที่มองว่าพฤติกรรมดังกล่าว “ไร้ความเป็นมนุษย์”
กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า: รับสารภาพ-ชดใช้เยียวยา
หลังจากถูกจับกุมตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ล่าสุด ทนายแก้ว ได้ให้ข้อมูลความคืบหน้าเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ว่า
จำเลยได้เปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพตามฟ้องในทุกข้อกล่าวหา
จำเลยยินยอมจ่ายค่าเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนเงิน 5.5 ล้านบาท
รายละเอียดการชำระเงิน:
วางเงินสดที่ศาลแล้ว 300,000 บาท
จะจ่ายเพิ่มเติมอีก 200,000 บาทภายในเดือนตุลาคม 2568
ส่วนที่เหลืออีก 5 ล้านบาท จำเลยขอผ่อนชำระเป็นระยะเวลา 8 ปี
รอคำพิพากษา: นัดตัดสินโทษ 5 พฤศจิกายน 2568
เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงเลื่อนวันนัดฟังคำพิพากษาในคดีอาญาออกไปเป็นวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. ซึ่งโทษที่จะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของศาลแต่เพียงผู้เดียว
เสียงสะท้อนจากสังคม: “แมวมีชีวิต คนก็มีชีวิต”
สังคมยังคงตั้งคำถามถึงคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบของผู้ขับขี่รถยนต์ที่สามารถก่อเหตุร้ายแรงเช่นนี้ แล้วเลือกจะหนีออกจากที่เกิดเหตุโดยไม่เหลียวแลเหยื่อที่ตนเป็นผู้ชนเสียชีวิต
หลายฝ่ายยังคงวิจารณ์ว่าเงินเยียวยา 5.5 ล้านบาท ไม่สามารถทดแทนชีวิตคนได้ และ “แม้จะเป็นการรับผิดชอบทางกฎหมาย แต่ในทางศีลธรรมยังคงเป็นคำถามที่สังคมไม่อาจลืม”
บทเรียนจากคดี: ความเร็วไม่เคยให้โอกาสใคร
คดีนี้เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญที่ตอกย้ำว่า การขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะในเขตชุมชนหรือเส้นทางชนบท อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่อาจย้อนคืนได้
ความเร็ว 207 กม./ชม. ไม่ใช่เรื่องธรรมดาในพื้นที่ที่มีคนเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์
การดื่มสุราก่อนขับรถไม่เพียงแค่ผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นการละเลยความปลอดภัยของผู้อื่นอย่างร้ายแรง
สรุป: ความยุติธรรมอาจได้คืน แต่ชีวิตไม่อาจย้อนกลับ
แม้กระบวนการยุติธรรมจะดำเนินต่อไป และจำเลยยอมรับผิด พร้อมตกลงจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ 3 ชีวิตที่จากไปไม่มีวันกลับมาอีก
สิ่งที่เหลืออยู่คือความโศกเศร้าของครอบครัวผู้สูญเสีย และบทเรียนอันเจ็บปวดที่สังคมไทยควรจำ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
“รถแรง แมวรอด คนตาย” กลายเป็นคำพูดประชดประชันที่ยังสะเทือนใจคนไทยจนถึงวันนี้
อ้างอิงจาก: FB/ทนายแก้ว, FB/โหนกระแส















