พร้อมลุย! แก๊งน้ำไม่อาบรวมพลตอบโต้เขมร นัดรวมตัวด่วนก่อนศึก 27 ก.ค.
จับตาปะทะเดือด 27 ก.ค.! เมลาย รัชดา รวมพล "ทริปน้ำไม่อาบ" ตอบโต้นัดป่วนปราสาทตาเมือนธม ของแก๊งสเตอร์เขมรไม่อาบน้ำ
กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล เมื่อเพจดัง "ชุมชนคนสุรินทร์" ได้โพสต์คลิปและข้อความเตือนถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 นี้ โดยระบุว่ากลุ่มวัยรุ่นกัมพูชา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "แก๊งสเตอร์เขมรไม่อาบน้ำ" ได้มีการนัดรวมตัวเพื่อ "บุกป่วน" บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
พร้อมทั้งยังมีแฮชแท็กและข้อความในภาษากัมพูชาระบุว่า
"#ស្ទាវខ្មែរ บุกไทย อาทิตย์ ที่ 27 กรกฎาคมนี้"
สิ่งที่ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นไวรัล คือคำบรรยายถึงกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ว่าเป็น “ฮิปปี้คะแมร์” ทรงผมปิดตาข้างเดียว เท่แต่ไม่ชอบอาบน้ำ และตั้งใจจะ "ขึ้นปราสาทโดยไม่ผ่านห้องน้ำก่อน"
จุดกำเนิด “ทริปน้ำไม่อาบ” โดยเมลาย รัชดา ผู้ร่วมทริปไม่ใช่ผู้จัด!
เมื่อกระแสเริ่มลุกลามไปทั่วออนไลน์ ล่าสุดแฟนเพจ "เมลาย รัชดา" ซึ่งเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้เคลื่อนไหวชายแดนและมักจัดกิจกรรมช่วยเหลือทหาร ได้ออกมาโพสต์ข้อความประกาศรวมพล “ทริปน้ำไม่อาบ” ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้เช่นกัน โดยระบุชัดว่าไม่ได้จัดกิจกรรมเพื่อตอบโต้หรือสร้างความรุนแรงแต่อย่างใด จุดประสงค์เพียงเพื่อ “ไปให้กำลังใจพี่ๆ ทหารชายแดน” พร้อมกับนำของกินของใช้ไปบริจาค
“#ก่อนน้ำไม่อาบ ไปอาบน้ำที่ปราสาทตาเมือนธม (ผมไม่ใช่ผู้จัด)... แต่เป็นผู้ร่วมทริป ไปให้กำลังใจพี่ๆ ทหาร กองทัพภาค 2 กัน 27 นี้เจอกัน”
เมลาย รัชดา ยังกล่าวอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง ขอให้ทุกคนที่ร่วมทริปมีสติ เตรียมเอกสารรถให้พร้อม และเน้นย้ำว่า “ไปเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ชายแดน” เท่านั้น
“แก๊งสเตอร์เขมร” คือใคร? ทำไมกลายเป็นประเด็นป่วนชายแดน?
คำว่า “สเตอร์” มาจากภาษากัมพูชาแปลว่า “เท่” หรือ “คูล” ซึ่งกลุ่มนี้เป็นวัยรุ่นชายกัมพูชาที่นิยมแต่งตัวสไตล์ฮิปปี้ไว้ผมปิดตาข้างหนึ่ง ใส่แว่นกันแดด เสื้อผ้าฉูดฉาด และที่กลายเป็นเรื่องล้อเลียนในโลกออนไลน์คือ “พฤติกรรมไม่อาบน้ำ”
แม้จะฟังดูเป็นมุกขำขัน แต่เมื่อมีการประกาศนัดรวมตัวกันข้ามแดนไทยโดยไม่ผ่านการอนุญาต พร้อมพาดพิงถึงโบราณสถานสำคัญอย่าง “ปราสาทตาเมือนธม” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และมีความอ่อนไหวด้านดินแดน ก็ทำให้เรื่องนี้ถูกยกระดับเป็น ประเด็นด้านความมั่นคง
ปราสาทตาเมือนธม: สถานที่ประวัติศาสตร์ที่กำลังถูกจับตามอง
ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็น 1 ใน 3 กลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนน้อย, ปราสาทตาเมือนกลาง และปราสาทตาเมือนธม ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรมเขมรโบราณ
เนื่องจากทำเลตั้งอยู่บริเวณชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความอ่อนไหวในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และเคยเป็นจุดปะทะความขัดแย้งในอดีต
การนัดรวมตัวโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่จากฝั่งกัมพูชา จึงสร้างความกังวลให้กับทั้งเจ้าหน้าที่ทหารชายแดนและประชาชนในพื้นที่
โซเชียลร่วมขำ-ร่วมดราม่า: “แจกสบู่ให้ฝั่งเขา” – “จับอาบน้ำก่อนขึ้นปราสาท
หนึ่งในโพสต์ที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นไวรัล คือการประชดประชันแบบมีอารมณ์ขัน เช่น
“สาวๆ คนไหนอยากเจอวัยรุ่นทรงผมปิดตาข้างเดียว เท่ๆ แต่น้ำไม่อาบก็มานะ 27 ก.ค.นี้ มาเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับเขาหน่อยนะ”
หรือ
“พี่น้องเราช่วยกันเตรียมน้ำ สบู่ ยาสระผมไปบริจาคให้ฝั่งคะแมร์หน่อย จะได้จับอาบน้ำก่อนขึ้นปราสาท”
กลายเป็นกระแสตีกลับในโลกออนไลน์ที่ผสมผสานระหว่างความตลกกับความจริงจังไปพร้อมกัน หลายคนออกมาแสดงความเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ชายแดน พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้เหตุผลและหลีกเลี่ยงความรุนแรง
เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อม! กองทัพภาค 2 วางกำลังรับมือ 27 กรกฎาคมนี้
จากสถานการณ์ที่เริ่มร้อนแรงมากขึ้น มีรายงานว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รับทราบข่าวสารดังกล่าวแล้ว และมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อดูแลความเรียบร้อยในวันนัดหมาย
แหล่งข่าวเผยว่า “แม้กลุ่มวัยรุ่นจากฝั่งกัมพูชาจะไม่ได้ประกาศใช้ความรุนแรงโดยตรง แต่การเข้ามาในพื้นที่ชายแดนโดยไม่ผ่านขั้นตอนทางกฎหมาย ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงในระดับหนึ่ง”
เสียงจากประชาชนในพื้นที่: “ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงอีก”
ชาวบ้านในอำเภอพนมดงรัก และผู้ที่อยู่ใกล้ปราสาทตาเมือนธมต่างแสดงความกังวลผ่านโซเชียลและรายการข่าวท้องถิ่น โดยระบุว่าความขัดแย้งเรื่องดินแดนในอดีตได้ส่งผลกระทบกับพวกเขามากพอแล้ว และไม่อยากเห็นการปะทะซ้ำรอย
หลายคนสนับสนุนแนวคิดของ “ทริปน้ำไม่อาบ” ที่มีเป้าหมายเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายใช้อารมณ์ให้น้อยที่สุด และไม่กระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติม
บทสรุป: การ์ดไม่ตกแต่ไม่ต้องแตกหัก
วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 จึงกลายเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ทุกฝ่ายจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในพื้นที่ นักเคลื่อนไหวบนโซเชียล หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบความสงบเรียบร้อย
แม้ความขัดแย้งครั้งนี้จะมีจุดเริ่มต้นจากความขบขันเรื่อง “การไม่อาบน้ำ” แต่เมื่อบานปลายไปสู่การพาดพิงพื้นที่ชายแดน ก็ไม่อาจมองข้ามความอ่อนไหวของสถานการณ์ได้
สิ่งที่สังคมหวังในตอนนี้คือ “สติของทุกฝ่าย” ไม่ว่าจะเป็นแก๊งสเตอร์ฝั่งเขมร, กลุ่มผู้รักชาติฝั่งไทย หรือผู้ร่วมกิจกรรม “ทริปน้ำไม่อาบ” ให้ทุกอย่างผ่านพ้นด้วยดี ปราศจากความขัดแย้งรุนแรง




















