พร้อมลุย! กัน จอมพลัง รวมพล FC ใส่ดำส่องพฤติกรรมจิ๊กโก๋เขมร
กัน จอมพลัง นัดรวมตัวที่ปราสาทตาเมือนธม สานพลังชาวไทย “ยืนหยัดบนแผ่นดินเรา” หลังคลิปวัยรุ่นเขมรยั่วยุทหารไทยเป็นไวรัล
สุรินทร์ – วันที่ 22 กรกฎาคม 2568: สถานการณ์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม กลับมาร้อนระอุอีกครั้งในโลกออนไลน์ หลังเกิดเหตุการณ์วัยรุ่นชาวกัมพูชากลุ่มหนึ่งแสดงท่าทียั่วยุและไม่เหมาะสมต่อทหารไทยและนักท่องเที่ยวบริเวณปราสาท ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ชายแดนไทย จังหวัดสุรินทร์
เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นคลิปไวรัลในสื่อโซเชียลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม Facebook และ TikTok จนทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นไม่พอใจ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการอย่างจริงจัง
และเมื่อกระแสเริ่มร้อนแรงขึ้น ก็มีบุคคลสาธารณะเข้ามาเคลื่อนไหวเพื่อแสดงจุดยืน หนึ่งในนั้นคือ “กัน จอมพลัง” หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ นักเคลื่อนไหวชื่อดัง ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด
กัน จอมพลัง โพสต์เชิญชวน FC รวมตัว “ยืนบนแผ่นดินไทย” วันที่ 26 ก.ค. นี้
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก “กันจอมพลัง ซ่ายสู้” ได้โพสต์ข้อความอย่างเป็นทางการเชิญชวนผู้ติดตามและแฟนคลับให้รวมตัวกันที่บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ในวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น.
โดยกัน จอมพลังระบุว่า การนัดรวมตัวครั้งนี้ไม่ใช่การยั่วยุหรือเผชิญหน้า แต่เป็นการแสดงออกถึง “พลังของคนไทยที่ยืนหยัดบนแผ่นดินของตัวเอง” พร้อมระบุว่า:
"วันเสาร์ที่ 26 ก.ค. เวลา 11 โมง ผมขอเชิญ FC ทุกคนใส่ชุดสีดำมาเจอกันที่บังเกอร์ 1 ตรงปราสาทตาเมือนธม ผมจะพาไปเยี่ยมชมปราสาทด้วยตัวเอง และไปดูจิ๊กโก๋กัมพูชาที่ห้าว ๆ ในปราสาทครับ"
นอกจากโพสต์หลักแล้ว กันยังได้ คอมเมนต์เพิ่มเติมใต้โพสต์ โดยย้ำว่า:
"ฝากทุกคนช่วยกันส่งต่อให้พวกเราทุกคนรับทราบด้วยครับ มายืนแสดงพลังบนแผ่นดินเราไปด้วยกันครับ"
ชนวนเหตุ: คลิปวัยรุ่นเขมรชูนิ้วกลางยั่วยุทหารไทยในพื้นที่โบราณสถาน
เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นจากคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 30 วินาที ที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแสดงให้เห็นภาพของ กลุ่มวัยรุ่นกัมพูชาจำนวนหนึ่งที่ขึ้นไปบนปราสาทตาเมือนธม และทำท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกนิ้วกลางต่อหน้ากล้อง รวมถึงแสดงพฤติกรรมยั่วยุนักท่องเที่ยวชาวไทย และเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่
แม้เหตุการณ์จะไม่บานปลายถึงขั้นเกิดความรุนแรง แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะในแง่ของ การไม่ให้เกียรติสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และ การล้ำเส้นในเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองและอธิปไตย
ปราสาทตาเมือนธม: พื้นที่อ่อนไหวทางประวัติศาสตร์
ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ เป็นหนึ่งในกลุ่มปราสาทหินสำคัญที่อยู่ในเขต “พื้นที่ซ้อนทับ” หรือพื้นที่ที่มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา แม้ในทางการปกครองจะอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย แต่การที่อยู่ใกล้ชายแดน ทำให้การเดินทางไปยังปราสาทแห่งนี้สามารถเข้าถึงได้จากฝั่งกัมพูชาด้วย
ด้วยเหตุนี้ ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณดังกล่าวมักจะถูกจับตามองจากทั้งสองฝ่าย และมักกลายเป็นประเด็นทางการเมืองหรือวาทกรรมรักชาติอยู่เสมอ
ชาวเน็ตแห่สนับสนุน – เตือนอย่าให้ความรุนแรงเกิดขึ้น
หลังโพสต์ของกัน จอมพลัง เผยแพร่ออกไป มีผู้คนจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความเห็นและแสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 26 ก.ค. นี้ โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการ “ออกมาแสดงพลังอย่างสงบ” เพื่อยืนยันในสิทธิและความภาคภูมิใจในแผ่นดินไทย
“อยากให้คนไทยไปให้มาก ๆ เลยค่ะ อันนี้มันบ้านเรา แผ่นดินเรา สู้ให้สุดค่ะ”
“ถึงเวลาที่ทุกแก๊งในไทยจะรวมตัวกันไปทำสิ่งดี ๆ เพื่อประเทศเรากันแล้วครับ”
“การรวมตัวกันอย่างสันติ ไม่ได้แปลว่าท้าทายใคร แต่คือการยืนยันสิ่งที่เรารัก”
อย่างไรก็ตาม ก็มีบางคอมเมนต์ที่แสดงความเป็นห่วง เช่น:
“อย่าให้ทราบข่าวนี้สิคะ เดี๋ยวปิดประเทศหนี”
“ระวังมือที่สามแทรกซึมนะครับ ขอให้เป็นการรวมตัวอย่างสันติ”
“อย่าให้อารมณ์นำ ขอให้ทุกคนตั้งสติและรักษาความสงบ”
เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อม: ป้องกันเหตุวุ่นวาย
หลังการประกาศนัดหมายของกัน จอมพลัง หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่สุรินทร์ได้รายงานว่ากำลังเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่อาจเดินทางมาร่วมกิจกรรม
โฆษกของกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใด ๆ และขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกัน เคารพกฎหมาย และไม่กระทำการใด ๆ ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดระหว่างสองประเทศ
บทสรุป: ความภาคภูมิใจไม่ใช่ความเกลียดชัง
การออกมาแสดงพลังของกัน จอมพลังและผู้ติดตามจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึง ความรู้สึกหวงแหนในอธิปไตยและวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะเมื่อถูกมองว่าอีกฝ่ายล้ำเส้นหรือไม่ให้เกียรติสถานที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม เส้นบาง ๆ ระหว่าง “ความภาคภูมิใจในชาติ” กับ “ความเกลียดชังทางชาติพันธุ์” นั้นต้องถูกจับตามองและควบคุมด้วยสติอย่างสูงสุด เพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจถูกฝ่ายไม่หวังดีนำไปใช้เป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้งได้ในอนาคต
หากการรวมตัวในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้เกิดขึ้นอย่างสันติและสงบ พร้อมกับการทำความเข้าใจว่า การรักชาติไม่ใช่การดูถูกชาติอื่น ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาใหม่ระหว่างสองชาติ ที่ไม่ได้เริ่มจากความขัดแย้ง แต่อาจเริ่มจาก “การมองเห็นคุณค่าของกันและกัน”
อ้างอิงจาก: FB: กันจอมพลัง ช่วยสู้















