สาวเขมรเสื้อชมพูโดนจัดหนัก TikTok แบนบัญชีถาวร หลังโพสต์คลิปด่าคนไทย
ดราม่า “สาวเสื้อชมพู” ชาวกัมพูชา ด่าคนไทยกลางปราสาทตาเมือนฯ – บัญชี TikTok โดนแบน หลังชาวเน็ตถล่มยับ
กลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกออนไลน์ข้ามวันข้ามคืน เมื่อหญิงสาวชาวกัมพูชาในชุดเสื้อสีชมพู ซึ่งถูกชาวเน็ตไทยขนานนามว่า “สาวแว่นเขมร” ปรากฏตัวในคลิปวิดีโอบริเวณ ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ พร้อมตะโกนท้าทายนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างรุนแรง ทั้งยังพูดจาต่อว่าไทยด้วยถ้อยคำที่สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับผู้ที่ได้รับชมคลิป จนในที่สุด บัญชี TikTok ชื่อ @chanboryber22 ซึ่งเป็นแอคเคานต์ของเธอ ได้ถูกระงับการใช้งาน (แบน) อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว
ต้นตอของดราม่า: คลิปท้าทายชาวไทยหน้า "ปราสาทตาเมือนธม"
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในคลิปดังกล่าว หญิงสาวชาวกัมพูชา สวมเสื้อสีชมพูและแว่นตา ตะโกนถามนักท่องเที่ยวชาวไทยว่า
“แน่ใจเหรอว่าแผ่นดินไทย?”
คำพูดดังกล่าวไม่ได้เพียงเป็นการตั้งคำถามธรรมดา แต่น้ำเสียงและท่าทางกลับแสดงถึงความท้าทาย ก่อให้เกิดบรรยากาศความตึงเครียดท่ามกลางผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น และเมื่อมีชาวไทยตะโกนตอบกลับว่า “เขมร!” หญิงสาวคนนี้ก็สวนกลับทันควันว่า
“คนกัมพูชา ไม่ใช่เขมร!”
ท่ามกลางเสียงเอะอะและสถานการณ์ที่เกือบจะลุกลามไปมากกว่านั้น เจ้าหน้าที่ทหารต้องเข้ามาระงับเหตุ และกันตัวหญิงคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ทันที
ใครคือ “สาวแว่นเขมร” ผู้จุดไฟดราม่าระหว่างประเทศ?
หลังคลิปแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ไม่เพียงแต่ชาวเน็ตไทยเท่านั้นที่รู้สึกไม่พอใจ ชาวกัมพูชาบางส่วนก็เริ่มรู้สึกถึงความไม่เหมาะสมในการแสดงออกของหญิงรายนี้เช่นกัน ชาวเน็ตไทยเริ่มขุดคุ้ยข้อมูล จนพบว่าเธอมีบัญชี TikTok ใช้ชื่อว่า @chanboryber22 และได้เผยแพร่วิดีโอที่มีเนื้อหาโจมตีไทยอยู่หลายคลิป ซึ่งรวมไปถึงเนื้อหาเชิงเสียดสี, ถากถาง, และการพูดถึงประเด็นดินแดนด้วยอารมณ์ร้อนแรง
คลิปต่างๆ ของเธอมียอดวิวและการแสดงความเห็นถล่มทลาย แต่แทบทั้งหมดเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ และเต็มไปด้วยถ้อยคำไม่พึงประสงค์ จนกลายเป็นกระแส "พลังรถทัวร์" ของชาวเน็ตไทย ที่เข้ามาคอมเมนต์และรีพอร์ตบัญชีของเธออย่างรวดเร็วและรุนแรง
บัญชี TikTok โดนแบน - ชาวเน็ตไทยปฏิบัติการสำเร็จ
จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่า บัญชี @chanboryber22 ได้ถูกระงับการใช้งานแล้วอย่างสมบูรณ์ หากผู้ใช้พยายามค้นหาชื่อบัญชีดังกล่าวในแพลตฟอร์ม TikTok หรือผ่าน Google จะไม่สามารถเข้าถึงวิดีโอของเธอได้อีกต่อไป โดย TikTok ขึ้นข้อความว่า “ไม่สามารถดูวิดีโอนี้ได้” หรือในบางกรณีระบุว่า “บัญชีนี้ถูกแบน”
แม้ TikTok จะไม่ได้ระบุเหตุผลอย่างเป็นทางการว่าเหตุใดจึงแบนบัญชีนี้ แต่คาดว่าเกิดจากการถูกรายงานจำนวนมาก และเนื้อหาของคลิปที่เข้าข่ายละเมิดแนวทางชุมชน (Community Guidelines) เช่น การปลุกปั่น, การใช้คำพูดเกลียดชัง (Hate Speech), หรือการสร้างความแตกแยกทางเชื้อชาติ
ทำไมเรื่องนี้ถึงกลายเป็นกระแสไวรัล?
มีหลายปัจจัยที่ทำให้เรื่องนี้แพร่กระจายและติดเทรนด์ได้อย่างรวดเร็ว:
1. ความอ่อนไหวของพื้นที่ชายแดน: ปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางประวัติศาสตร์และการเมืองอยู่แล้ว
2. การใช้ถ้อยคำยั่วยุ: คำพูดว่า “แน่ใจเหรอว่าแผ่นดินไทย?” เป็นถ้อยคำที่จุดชนวนความรู้สึกไม่พอใจของชาวไทยทันที โดยเฉพาะเมื่อพูดในพื้นที่อธิปไตยของไทย
3. อารมณ์ชาตินิยมในโซเชียลมีเดีย: ปัจจุบันกระแสชาตินิยมกลับมาแรงขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายแสดงความเห็นอย่างเสรี
4. พลังของ “รถทัวร์” ออนไลน์: เป็นคำเปรียบเปรยถึงการรวมตัวของชาวเน็ตจำนวนมาก ที่พร้อมจะเข้าไปคอมเมนต์ ดิสไลก์ หรือรายงานบุคคล/บัญชีที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งในกรณีนี้ พลังของชาวเน็ตไทยก็สามารถทำให้บัญชีของหญิงสาวรายนี้ถูกแบนได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ข้อกังวล: ดราม่าออนไลน์อาจบานปลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ?
แม้เหตุการณ์นี้จะดูเป็นเพียงดราม่าบุคคล แต่หลายฝ่ายก็เริ่มแสดงความกังวลว่าหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจลุกลามเป็นปัญหาความสัมพันธ์ระดับประชาชนระหว่างไทยและกัมพูชาได้
สื่อบางแห่งในกัมพูชาเริ่มรายงานข่าวนี้เช่นกัน โดยมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับหญิงสาว และฝ่ายที่ตำหนิเธอว่าไม่ควรแสดงพฤติกรรมยั่วยุในพื้นที่พิพาทหรือประวัติศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน
บางความเห็นระบุว่า การที่หญิงรายนี้แสดงความเห็นเชิงลบต่อประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อาจสะท้อนความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการให้ความรู้และความเข้าใจร่วมกัน ไม่ใช่การโต้เถียงด้วยอารมณ์
บทเรียนจากดราม่านี้
แม้จะจบลงด้วยการระงับบัญชี TikTok ของหญิงสาวชาวกัมพูชา แต่กรณีนี้ก็เป็นบทเรียนสำคัญในหลายแง่มุม:
โซเชียลมีเดียไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออกอย่างไม่มีขอบเขต: ทุกคำพูดในโลกออนไลน์สามารถส่งผลกระทบได้จริง และอาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวผู้โพสต์เอง
ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ควรถูกจัดการด้วยความรู้ ไม่ใช่ด้วยการโต้แย้งบน TikTok: การศึกษาประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการสื่อสารผ่านช่องทางที่สร้างสรรค์ ย่อมดีกว่าการทะเลาะวิวาทผ่านโซเชียล
ชาวเน็ตมีพลังมากกว่าที่คิด: เมื่อพลังจากผู้ใช้งานถูกรวมกันจำนวนมาก แม้แต่บัญชี TikTok ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากก็ไม่สามารถต้านแรงรีพอร์ตได้
สรุป
เหตุการณ์ “สาวเสื้อชมพูเขมรด่าคนไทย” ไม่เพียงเป็นเรื่องของความขัดแย้งรายบุคคล แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของการสื่อสารในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องอ่อนไหวอย่างอัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์ และพื้นที่ชายแดน
ในยุคที่ใครก็สามารถเป็น "ผู้สร้างสื่อ" ได้เพียงปลายนิ้ว การมี วุฒิภาวะทางดิจิทัล (Digital Maturity) และการกลั่นกรองเนื้อหาก่อนเผยแพร่จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ
สำหรับชาวเน็ตไทย แม้จะดีใจที่บัญชีดังกล่าวถูกปิด แต่การเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้และใช้โอกาสนี้สร้างสรรค์เนื้อหาที่เสริมสร้างความเข้าใจ ก็อาจเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนมากกว่าการตอบโต้ด้วยความรุนแรงทางถ้อยคำ





















