ขอรับผิดไว้คนเดียว! ลุงสมหมายยอมติดคุกไทย หลังปะทะเดือดทหารกัมพูชา
"ลุงสมหมาย" อดีตทหารพราน เปิดใจทั้งน้ำตา หลังต่อยทหารกัมพูชา เหตุปกป้องแผ่นดินไทยที่ปราสาทตาเมือนธม
เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนอารมณ์และสร้างเสียงสะท้อนในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง เมื่อ “ลุงสมหมาย” หรือ นายสมหมาย อดีตทหารพรานชาวจังหวัดสุรินทร์ ได้ก่อเหตุชกต่อยทหารกัมพูชา บริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตชายแดนเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของความรู้สึกรักชาติ ความเจ็บปวดในใจของคนชายขอบ และความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
เหตุการณ์ที่จุดประกายความสนใจ: เมื่อประชาชนลุกขึ้นยืนแทนทหาร
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีรายงานว่า มีหญิงสาวสัญชาติกัมพูชา พร้อมคณะเดินทางเข้ามายังบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวชายแดน ที่ไทยดูแลอยู่มาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับเกิดความวุ่นวายเมื่อหญิงคนดังกล่าวได้ชี้หน้าและแสดงท่าทียั่วยุทหารไทยที่ดูแลพื้นที่ จนสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึง “ลุงสมหมาย” ผู้ซึ่งขณะนั้นอยู่ในบริเวณดังกล่าวและมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติพื้นที่ไทยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในบ้านตัวเอง
ภายใต้แรงกดดันทางอารมณ์ และความรู้สึกที่พุ่งพล่าน ลุงสมหมายจึงเข้าไปชกทหารกัมพูชาคนหนึ่งที่มากับกลุ่มหญิงสาวคนดังกล่าว ซึ่งแม้จะดูเป็นการใช้กำลัง แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว นี่คือ “การปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และแผ่นดินไทย” ที่เขารักเหนือสิ่งอื่นใด
การมอบตัวด้วยความภาคภูมิใจ: ยอมรับผิดในดินแดนไทย
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทนายโนบิ หรือ นายกฤษฎา โลหิตดี ซึ่งเป็นทนายความชื่อดังที่มักปรากฏตัวในประเด็นทางสังคม ได้พาลุงสมหมายเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีทำร้ายร่างกาย โดยลุงสมหมายยืนยันชัดเจนว่า ตนเองยินดีที่จะยอมรับโทษภายใต้กฎหมายไทย เพราะเหตุการณ์เกิดในเขตไทย และเขาคือคนไทย
ทั้งนี้ ทนายโนบิได้เปิดเผยว่า นอกจากการมอบตัวเพื่อดำเนินคดีแล้ว ยังได้ร้องทุกข์ต่อ ผกก.สภ.พนมดงรัก เกี่ยวกับหญิงสาวชาวกัมพูชาที่ก่อความวุ่นวาย ชี้หน้าทหารไทย และยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการส่งหมายเรียกผ่านสถานทูต เพื่อให้หญิงคนดังกล่าวมารับผิดชอบต่อพฤติกรรมของตน หากไม่มา ก็ต้องมีการออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป
น้ำตาแห่งศักดิ์ศรี: เสียงสะท้อนจากชายชายแดน
“ไม่มีใครยุยงผมหรอกครับ ผมทำไปเพราะหัวใจมันรักชาติ มันทนไม่ไหว”
ลุงสมหมายกล่าวทั้งน้ำตา เสียงของเขาสั่นเครือขณะที่พูดถึงเหตุผลที่เขากระทำการในวันนั้น ความรู้สึกของชายคนหนึ่งที่เห็นบ้านเมืองตนเองถูกยั่วยุในพื้นที่ที่เขาเติบโตมา ทั้งยังเคยรับใช้ชาติในฐานะทหารพราน แน่นอนว่าความรู้สึกรักแผ่นดินฝังแน่นในใจเขามานาน และเมื่อเห็นการกระทำที่เขามองว่าไม่เหมาะสม เขาจึงไม่สามารถนิ่งเฉยได้
“ผมรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แผ่นดินนี้เป็นของไทย ผมเกิดที่นี่ โตที่นี่ ผมไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นได้ ผมยอมติดคุก ถ้ามันคือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแผ่นดินไทย”
น้ำเสียงอันหนักแน่นจากชายวัยเกษียณผู้เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยหลายคนในโลกออนไลน์ที่รับรู้เรื่องราวนี้ หลายคนมองว่าเขาคือ “คนจริง” ที่พร้อมยืนหยัดเพื่อความถูกต้องแม้จะต้องเสียสละอิสรภาพ
ความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างไทย-กัมพูชา
เหตุการณ์นี้ยังตอกย้ำถึงความเปราะบางในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องดินแดนบริเวณชายแดนที่มีการทับซ้อนทางประวัติศาสตร์มายาวนาน ทั้งในกรณีของปราสาทตาเมือนธม และปราสาทพระวิหาร ซึ่งเคยเป็นประเด็นร้อนที่นำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างทหารของทั้งสองประเทศในอดีต
แม้รัฐบาลทั้งสองประเทศจะมีความพยายามในการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการค้าและการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค แต่ความขัดแย้งในระดับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ยังคงเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน และง่ายต่อการปะทุขึ้นหากไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม
ปราสาทตาเมือนธม: จุดเชื่อมโยงแห่งประวัติศาสตร์และความรู้สึก
ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทหินเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยเป็นหนึ่งในกลุ่มปราสาทที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเขมร ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ระหว่างไทยและกัมพูชา
ในแง่หนึ่ง ปราสาทแห่งนี้คือสมบัติทางวัฒนธรรมที่ควรได้รับการอนุรักษ์เพื่อคนรุ่นหลัง แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันกลับกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์และสัญลักษณ์ของข้อพิพาทที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งนำมาสู่ความรู้สึกหวงแหน และความระแวดระวังในใจของชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน
เสียงจากโซเชียลมีเดีย: คนไทยจำนวนมากให้กำลังใจ
หลังจากข่าวของลุงสมหมายแพร่กระจายออกไปในโซเชียลมีเดีย แฮชแท็กต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ #ลุงสมหมาย และ #ปราสาทตาเมือนธม กลายเป็นกระแสร้อนแรง หลายคนแสดงความชื่นชมในจิตใจที่กล้าหาญของเขา และเห็นว่าลุงสมหมายเป็นตัวแทนของเสียงจากคนชายแดน ที่มักถูกมองข้ามจากส่วนกลาง
คอมเมนต์จำนวนมากกล่าวว่า “ลุงสมหมายทำในสิ่งที่คนไทยหลายคนอยากทำแต่ไม่กล้า” หรือ “ชายชราที่มีหัวใจนักรบ เขายอมติดคุกเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของชาติ” รวมถึงมีการเปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในชั้นศาล และการดำเนินคดีหากจำเป็น
บทสรุป: ชายธรรมดากับหัวใจไม่ธรรมดา
เรื่องราวของลุงสมหมาย อดีตทหารพรานชาวสุรินทร์ คือภาพสะท้อนของความรักชาติอย่างแท้จริง แม้จะถูกวิจารณ์ว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจตนาของเขาคือการปกป้องแผ่นดินไทยด้วยหัวใจอันแน่วแน่
ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนระหว่าง “กฎหมาย” กับ “จริยธรรม” ลุงสมหมายได้แสดงให้เห็นว่า แม้เพียงประชาชนธรรมดา ก็สามารถลุกขึ้นมาสะท้อนความรู้สึกของชาติได้อย่างมีพลัง และในขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้ก็ควรเป็นสัญญาณเตือนให้ภาครัฐหันมารับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่ชายแดนให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ความรู้สึก “ถูกทอดทิ้ง” กลายเป็นชนวนของความขัดแย้งในอนาคต
หากคุณชื่นชอบเรื่องราวของลุงสมหมาย หรืออยากติดตามสถานการณ์ชายแดนและความเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่ลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของชาติ อย่าลืมแชร์บทความนี้เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจ และร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นในชายแดนไทย





















