ดราม่าระอุ! สาวขแมร์ปรี๊ด คนไทยมั่นหน้า ลั่นเป็น ‘คนกัมพูชา’ ไม่ใช่เขมร!
ดราม่าชายแดน! นักท่องเที่ยวกัมพูชาโต้กลับ “คนเขมร” กลางปราสาทตาเมือนธม จุดชนวนถกเถียงออนไลน์เรื่องการใช้คำเรียก
ในโลกออนไลน์ช่วงวันที่ผ่านมา มีคลิปวิดีโอเหตุการณ์หนึ่งที่กลายเป็นไวรัล ถูกพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม TikTok และ Facebook หลังมีผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ในเขตชายแดนไทย–กัมพูชา
คลิปดังกล่าวบันทึกเหตุการณ์ขณะที่หญิงสาวหน้าตาดีชาวกัมพูชารายหนึ่งกำลังเดินลงจากบริเวณปราสาท โดยมีทหารไทยและทหารกัมพูชาประกบซ้ายขวาเพื่อควบคุมความเรียบร้อย แต่ในระหว่างทางกลับประเทศ ได้เกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นประเด็น เมื่อมีนักท่องเที่ยวชาวไทยบางรายได้พูดแซวหรือส่งเสียงแสดงความคิดเห็นว่า "คนเขมรๆ" ซึ่งเป็นคำที่อาจมองว่าไม่เหมาะสมหรือไม่สุภาพในบริบทของชาวกัมพูชา
หญิงสาวชาวกัมพูชาโต้กลับด้วยภาษาไทยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
จากคลิปวิดีโอ หญิงสาวรายนี้ได้หันมาตอบกลับอย่างชัดเจนเป็นภาษาไทยว่า
"คนกัมพูชาค่ะ ไม่ใช่เขมร"
ก่อนจะมีท่าทีบ่นพึมพำต่อเนื่อง พร้อมสีหน้าไม่พอใจต่อคำพูดที่เธอมองว่าไม่ให้เกียรติประเทศของเธอ
หลังจากนั้น ทหารทั้งสองฝ่ายได้รีบนำตัวหญิงสาวออกจากพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น และในช่วงท้ายของคลิป ยังได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวหญิงไทยอีกคนตะโกนไล่ตามหลังว่า
"ส่งแขกๆ"
ซึ่งยิ่งจุดกระแสดราม่าทางโซเชียลให้ทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้น
คลิปนี้ถูกแชร์กระจายอย่างรวดเร็วทั่วโซเชียล
หลังจากคลิปถูกเผยแพร่ได้ไม่นาน ก็มีผู้คนจำนวนมากนำไปแชร์ต่อ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ในมุมต่างๆ ทั้งเรื่องการเลือกใช้คำพูดของนักท่องเที่ยวไทย ไปจนถึงความละเอียดอ่อนของการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดน
หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดคำว่า "เขมร" ซึ่งในอดีตอาจใช้เรียกชาวกัมพูชาโดยทั่วไป กลับกลายเป็นคำที่ชาวกัมพูชาหลายคนไม่พอใจเมื่อได้ยินจากปากของชาวไทย หรือกลายเป็นคำที่ฟังดูดูหมิ่นในบริบทสมัยใหม่
วิเคราะห์บริบท: “เขมร” คำธรรมดาหรือคำดูแคลน?
คำว่า “เขมร” ในภาษาไทยอาจเป็นคำที่คนไทยทั่วไปใช้เรียกประเทศกัมพูชา หรือประชาชนชาวกัมพูชาในเชิงกลางๆ โดยไม่เจตนาดูถูก แต่สำหรับชาวกัมพูชาหลายคน คำนี้อาจมีความหมายลบหรือดูแคลน โดยเฉพาะเมื่อถูกใช้ในสถานการณ์ที่มีท่าทีเยาะเย้ยหรือหยามเหยียด
นักวิชาการด้านภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมเคยวิเคราะห์ว่า คำว่า “เขมร” อาจมีรากฐานในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่มีทั้งความร่วมมือและความขัดแย้งมาอย่างยาวนาน การใช้คำนี้จึงอาจก่อให้เกิดความรู้สึกด้านลบในบางบริบทได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มักมีประเด็นละเอียดอ่อน
ในทางกลับกัน คำว่า “กัมพูชา” (Cambodia) ถือเป็นชื่อทางการของประเทศ และเป็นคำที่หลายฝ่ายเห็นว่าเหมาะสมและให้เกียรติมากกว่า
เสียงสะท้อนจากชาวเน็ต: "ขอโทษเถอะ คำว่าเขมรไม่ควรใช้ในเชิงล้อเลียน"
จากการติดตามความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ พบว่าเสียงของชาวเน็ตแตกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งมองว่า การพูดว่า “คนเขมร” ไม่ได้มีเจตนาเหยียด เพียงแต่พูดแบบชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง
ในขณะที่อีกฝ่ายออกมาตำหนิว่า คำพูดลักษณะนี้ไม่ให้เกียรติและไม่เหมาะสมกับบริบทชายแดนระหว่างประเทศ เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความรู้สึกไม่ดีต่อกันได้ง่าย โดยเฉพาะในยุคที่เราควรส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
ผู้ใช้รายหนึ่งแสดงความเห็นไว้ว่า:
“พูดว่า 'กัมพูชา' ไม่ได้ยากเลยนะ แถมยังดูสุภาพกว่าด้วย คนเขมรอาจฟังแล้วเจ็บก็ได้ ถึงเราจะไม่ได้ตั้งใจแซะ แต่เขารู้สึกแย่จริงๆ”
อีกคนกล่าวว่า:
“เป็นแค่นักท่องเที่ยวแท้ๆ ยังไปพูดล้อเลียนแบบนี้ ไม่ให้เกียรติเขาเลย เหมือนทำให้คนไทยดูแย่ไปด้วย”
ปราสาทตาเมือนธม: จุดเปราะบางทางการเมืองและประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา เนื่องจากตัวปราสาทตั้งอยู่ใกล้แนวชายแดน และเคยเป็นพื้นที่พิพาททางประวัติศาสตร์
นักท่องเที่ยวทั้งสองฝั่งจึงมีโอกาสพบเจอกันได้เป็นประจำ แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบของมารยาทและการเคารพกันอย่างเท่าเทียม เพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียดหรือสร้างความไม่สบายใจต่อกัน โดยเฉพาะในช่วงที่สองประเทศพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือวัฒนธรรม
มุมมองด้านจิตวิทยาและวัฒนธรรม: ความเข้าใจคือกุญแจ
นักจิตวิทยาและนักวัฒนธรรมหลายคนชี้ให้เห็นว่า ความขัดแย้งเล็กๆ เช่นนี้ สามารถลุกลามเป็นประเด็นใหญ่ได้ หากไม่มีความเข้าใจพื้นฐานด้านภาษาและความรู้สึกของอีกฝ่าย คำบางคำที่อาจดูธรรมดาสำหรับคนหนึ่ง อาจเป็นคำที่อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดหรือถูกลดทอนคุณค่า
จึงมีการเสนอแนะว่า นักท่องเที่ยว ควรระมัดระวังการใช้คำพูด โดยเฉพาะในสถานที่อ่อนไหว และควรเรียนรู้ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในเบื้องต้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
สรุป: คำพูดไม่กี่คำ แต่ส่งผลสะเทือนระดับสังคม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยในมุมของบางคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับสะท้อนถึงความละเอียดอ่อนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วัฒนธรรม และความเคารพต่อกันในฐานะมนุษย์
การใช้คำว่า "เขมร" แทน "กัมพูชา" แม้ในอดีตจะเป็นเรื่องปกติ แต่ในบริบทปัจจุบัน คำดังกล่าวอาจไม่เหมาะสมอีกต่อไป เมื่อเราอยู่ในยุคที่ต้องใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนบ้านและมองเห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างแท้จริง
บทเรียนจากคลิปนี้จึงอาจไม่ได้อยู่แค่ที่ชายแดนสุรินทร์–กัมพูชา แต่ขยายผลไปถึงจิตสำนึกของผู้ใช้สื่อออนไลน์ทุกคนว่า
“คำพูดหนึ่งคำ อาจสร้างมิตร…หรือทำลายสะพานแห่งความเข้าใจได้ในพริบตา”
อ้างอิงจาก: ภาพจาก TikTok: @team_worawut.l















