กัมพูชาโต้! ยันไม่ฝังทุ่นระเบิด แค่สร้างอาคารคล้าย PMN-2
กัมพูชาสร้าง “อาคารรูปกับระเบิด PMN-2 ใหญ่ที่สุดในโลก” เพื่อรำลึกถึงอดีต และยืนหยัดสู่สันติภาพ
ท่ามกลางความเข้าใจผิดที่เริ่มแพร่กระจายบนโลกออนไลน์ กรณีข่าวลือว่ากัมพูชากำลัง “วางกับระเบิดใหม่” บริเวณพื้นที่ชายแดน ล่าสุด เฮง รัตนะ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการหุ่นระเบิดกัมพูชา หรือ CMAC (Cambodian Mine Action Centre) ได้ออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เพื่อสยบข่าวลือดังกล่าว พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างที่ไม่ธรรมดาในจังหวัดเสียมราฐ
โปรเจกต์ดังกล่าว คือการก่อสร้าง อาคารขนาดมหึมาที่มีรูปร่างเหมือนกับระเบิด PMN-2 กับระเบิดที่เคยถูกใช้ในช่วงสงครามกลางเมืองกัมพูชา โดย CMAC ระบุว่าอาคารแห่งนี้จะกลายเป็น "อาคารรูปกับระเบิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก" และเป็นสัญลักษณ์ของการปิดฉากความรุนแรง พร้อมเปิดประตูสู่ “สันติภาพถาวร” ที่กัมพูชาเฝ้าฝันมาอย่างยาวนาน
รูปแบบของอาคาร: กับระเบิดที่กลายเป็นอนุสรณ์สันติภาพ
จากรายงานของ CMAC อาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในพื้นที่ พิพิธภัณฑ์สันติภาพเตโช (Techo Peace Museum) จังหวัดเสียมราฐแห่งนี้ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่จำลองจากรูปทรงของ กับระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นกับระเบิดแบบแรงระเบิด (blast mine) ที่ถูกใช้แพร่หลายในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
ข้อมูลด้านเทคนิคของอาคารระบุว่า:
พื้นที่ฐานอาคารมีขนาด 108 เมตร x 108 เมตร ซึ่งเปรียบเทียบได้กับสนามฟุตบอลมาตรฐาน 1 สนามครึ่ง
ส่วนชั้นบนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 52 เมตร สูง 17 เมตร
รวมแล้ว อาคารจะมีพื้นที่ใช้สอยมหาศาล และมีความสูงเทียบเท่าตึก 5-6 ชั้น
จากรูปร่างที่คล้ายกับกับระเบิด PMN-2 ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นอาวุธที่ยังใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ที่แท้จริงกลับตรงกันข้าม — อาคารนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็น สัญลักษณ์ของสันติภาพ การระลึกถึงผู้เสียชีวิต และยืนยันถึงความสำเร็จในการปลดชนวนสงครามในอดีต
ความหมายเชิงสัญลักษณ์: จาก “อาวุธ” สู่ “อนุสรณ์”
เฮง รัตนะ ผู้อำนวยการ CMAC กล่าวว่า อาคารรูปกับระเบิด PMN-2 แห่งนี้ ถือเป็น "สมบัติทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์" อันล้ำค่าของประเทศกัมพูชา เพราะสะท้อนถึงการเดินทางที่ยาวนานและเจ็บปวดของประเทศ ที่เคยเต็มไปด้วยสงคราม ความขัดแย้ง ความกลัว และการสูญเสีย
อาคารแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่อาคารรูปทรงแปลกตา แต่คือการประกาศว่า:
“กัมพูชาไม่เคยลืมอดีต แต่พร้อมจะเดินหน้าสู่อนาคตด้วยสันติภาพ”
จุดเชื่อมโยงกับอนุสัญญาออตตาวา
อีกหนึ่งมิติสำคัญที่อาคารแห่งนี้ต้องการแสดงออก คือ การสนับสนุนและปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อห้ามการใช้ การสะสม และการผลิตกับระเบิดแบบแรงระเบิด ตลอดจนให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากกับระเบิดทั่วโลก
กัมพูชาในฐานะหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกับระเบิดในอดีต ได้ลงนามและให้สัตยาบันในอนุสัญญาดังกล่าวอย่างจริงจัง และมีหน่วยงานอย่าง CMAC ทำงานอย่างต่อเนื่องในการกวาดล้างและทำลายกับระเบิดทั่วประเทศ
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา กัมพูชาได้ทำลายกับระเบิดและวัตถุระเบิดมากกว่าหลายล้านชิ้น โดยมีอาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ และพลเรือนมากมายต้องเสียชีวิตหรือพิการจากการทำหน้าที่เหล่านี้ การสร้างอาคารอนุสรณ์เช่นนี้จึงเป็นการให้เกียรติแก่ทุกชีวิตที่ต้องจบลงด้วยกับระเบิด รวมถึงครอบครัวของพวกเขา
ผลงานแห่งชาติที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศ
โครงการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐบาลกัมพูชาเพียงลำพัง แต่ยังเป็นผลจาก ความร่วมมือระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก รัฐบาลญี่ปุ่น ที่ให้การสนับสนุนเงินทุนผ่านโครงการความร่วมมือเพื่อสันติภาพ และบริษัท SATO KOGYO ผู้รับเหมารายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้รับหน้าที่ก่อสร้างอาคารขนาดยักษ์แห่งนี้
ทั้งนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศที่เข้ามามีบทบาทด้านการออกแบบทางวิศวกรรม การอนุรักษ์โบราณสถาน และการสร้างความเข้าใจทางประวัติศาสตร์ ซึ่งล้วนเป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจของประชาคมโลกในการผลักดัน “กัมพูชา” ให้กลายเป็นต้นแบบของประเทศที่แปรเปลี่ยนสนามรบให้กลายเป็นสนามแห่งสันติ
พิพิธภัณฑ์สันติภาพเตโช: พื้นที่ใหม่แห่งการเรียนรู้และการเยียวยา
อาคารรูปกับระเบิด PMN-2 จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ พิพิธภัณฑ์สันติภาพเตโช (Techo Peace Museum) ซึ่งกำลังพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ การเรียนรู้ และการสื่อสารด้านสันติภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มุ่งเน้นการแสดง:
- ประวัติศาสตร์สงครามและผลกระทบจากกับระเบิด
- บทบาทของประชาคมระหว่างประเทศในการปลดชนวนความขัดแย้ง
- ความสำเร็จของรัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของ สมเด็จเตโช ฮุน เซน ในการเปลี่ยนประเทศจากดินแดนแห่งสงคราม ให้กลายเป็นประเทศแห่งสันติ
ภายในจะมีห้องจัดแสดงถาวร สื่อมัลติมีเดีย ห้องเรียนรู้สำหรับเยาวชน และโซนรำลึกสำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมถึงการนำเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) มาใช้จำลองพื้นที่เขตกับระเบิดในอดีต เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่สมจริงยิ่งขึ้น
ข้อสังเกต: เมื่อ “ระเบิด” กลายเป็น “บทเรียน”
ในเชิงจิตวิทยาสังคม การเปลี่ยนวัตถุที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ถือเป็นวิธีการเยียวยาทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง กัมพูชาเลือกที่จะไม่ซ่อนอดีต แต่เปิดเผยมันอย่างตรงไปตรงมา ผ่านสถาปัตยกรรมขนาดยักษ์แห่งนี้
อาคารรูปกับระเบิดจึงไม่ใช่เพียง “สิ่งปลูกสร้าง” แต่เป็น ข้อความที่เปล่งออกมาจากอดีตสู่อนาคต ว่า:
“เรารู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง และเราจะไม่กลับไปสู่วงจรนั้นอีก”
กำหนดการเปิดตัว: ต้นปี 2569 กับความคาดหวังระดับโลก
CMAC เปิดเผยว่าอาคารอนุสรณ์แห่งนี้จะแล้วเสร็จและเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี พ.ศ. 2569 ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นสถานที่สำคัญระดับโลกที่มีนักท่องเที่ยว นักวิชาการ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลั่งไหลเข้ามาศึกษาและรำลึก
นอกจากนี้ยังมีแผนให้พิพิธภัณฑ์นี้เป็น “ศูนย์กลางการฝึกอบรม” สำหรับเจ้าหน้าที่กู้กับระเบิดจากทั่วโลก ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากประเทศที่เคยประสบภัยอย่างหนักไปสู่ประเทศอื่น ๆ ที่ยังเผชิญกับปัญหานี้อยู่
สรุป: อนาคตที่สร้างจากบทเรียนในอดีต
จากข่าวลือเรื่องกับระเบิดใหม่ สู่ความจริงที่ว่ากัมพูชากำลังสร้างอาคารรูปทรงกับระเบิด PMN-2 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ใช่เพื่อสงคราม แต่เพื่อประกาศชัยชนะของ “สันติภาพ” คือการกลับตาลปัตรความหมายอย่างมีพลังที่สุด
อาคารแห่งนี้ คือภาพแทนของความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง คือการเปลี่ยนจาก “ประเทศที่เต็มไปด้วยกับระเบิด” ให้กลายเป็น “ประเทศแห่งความหวัง ความเยียวยา และความเข้าใจ”
และในวันที่มันแล้วเสร็จ... โลกทั้งใบจะได้เห็นว่าประเทศเล็ก ๆ ที่เคยเปื้อนเลือดแห่งหนึ่ง ได้ลุกขึ้นยืนอย่างภาคภูมิใจ พร้อมประกาศว่า
“เราชนะสงคราม โดยไม่ต้องยิงกระสุนนัดสุดท้าย”














