ข้อพิพาททุ่นระเบิดทำให้ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาทวีความรุนแรงขึ้น
สื่อนอกรายงานว่า "ไทยกล่าวหากัมพูชาว่า เพิ่งวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนที่เป็นข้อพิพาท หลังจากทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย" แต่กรุงพนมเปญ กล่าวว่า "ทุ่นระเบิดดังกล่าว เป็นทุ่นระเบิดที่หลงเหลือ จากสงครามหลายทศวรรษแล้ว"
ทางการไทยได้กล่าวอ้างเช่นนี้ หลังจากทหาร 3 นายได้รับบาดเจ็บ โดย 1 นายสูญเสียขา 1 นิ้ว จากการระเบิดของทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนตามปกติในเส้นทางเดิม เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2025 ในพื้นที่ชายแดนไทย ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี และ จังหวัดพระวิหาร ของกัมพูชา
กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ปฏิเสธว่าไม่ได้วางทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า "ทหารไทยได้เดินละเมิดพื้นที่ MOU เข้าไปในพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิด ที่ยังไม่ระเบิด"
กองทัพบกไทยแถลงว่า "พบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ของรัสเซีย จำนวน 10 ลูก ที่เพิ่งวางใหม่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้กับจุดที่ทหารได้รับบาดเจ็บ" และ "นี่เป็นการละเมิดอธิปไตย และ บูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน" และ "เป็นการละเมิดหลักการที่เป็นพื้นฐาน ของกฎหมายระหว่างประเทศ"
ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา ซึ่งประเมินว่า "ยังคงมีทุ่นระเบิดกระจายอยู่ทั่วประเทศ ราวๆ 4-6 ล้านลูก" และ "ทหารของเราเสียชีวิต 5 ราย และ บาดเจ็บอีก 12 ราย จากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิด ที่ยังไม่ระเบิดในกัมพูชา ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025"
พื้นที่ที่ทุ่นระเบิดระเบิด อยู่ใกล้กับจุดที่ทหารกัมพูชาเสียชีวิต ในเดือนพฤษภาคม หลังจากการยิงปะทะกันระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่าย
เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามกลาย เป็นข้อพิพาททางการทูตที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ของรัฐบาลไทย และ ทำให้นายกรัฐมนตรีถูกสั่งพักงาน
ประเทศไทยระบุว่า "จะออกคำประณามอย่างเป็นทางการ และ เรียกร้องให้กัมพูชารับผิดชอบ ในการละเมิดอนุสัญญาต่อต้านทุ่นระเบิด ภายใต้สนธิสัญญาออตตาวา" และ "กองทัพจะเพิ่มความระมัดระวัง ในการลาดตระเวนชายแดนด้วย"





















