กัมพูชาลั่น ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ชี้เตือนไว้แล้วแต่ทหารไทยไม่ฟัง
เมื่อครู่ดิฉันได้อ่านข่าวหนึ่งที่รู้สึกไม่สบายใจเลยค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งดิฉันเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยติดตามข่าวความตึงเครียดบริเวณชายแดนกันมาบ้างแล้วตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา แม้จะมีช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะคลี่คลาย แต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้ก็ดูเหมือนจะกลับมากระทบจิตใจของคนไทยไม่น้อย โดยเฉพาะดิฉันเองในฐานะคนรุ่นใหญ่ที่เฝ้ามองบ้านเมืองด้วยความห่วงใย
ข่าวระบุว่า ฝั่งกัมพูชาได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน โดยระบุว่า “เตือนไว้แล้ว” ว่าจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ต้องห้าม และกล่าวหาว่า ทหารไทยอาจ “ล้ำเขตแดน” เข้ามาในเขตของกัมพูชา พร้อมตั้งข้อสงสัยอย่างตรงไปตรงมาว่า “เป็นการตั้งใจยั่วยุหรือไม่”
ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ดิฉันอ่านแล้วรู้สึกตกใจและสะเทือนใจไม่น้อย เพราะแม้จะเข้าใจว่าพื้นที่ชายแดนเป็นจุดอ่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์ และอาจมีข้อพิพาทเรื่องแนวเขตอยู่บ้าง แต่การที่เหตุการณ์เช่นนี้กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตและมีถ้อยคำที่ฟังดูแข็งกร้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้รู้สึกกังวลว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
ดิฉันยังไม่ทราบว่าฝ่ายไทยของเราได้แถลงหรือชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร เพราะข่าวเพิ่งออกมาไม่นาน แต่ดิฉันอยากขอเป็นเสียงเล็ก ๆ ที่สะท้อนความห่วงใยไปยังผู้มีอำนาจในการดูแลความมั่นคงว่า
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพียงการเหยียบพื้นที่ผิดเส้น หรือแค่ปัญหาชายแดนธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความไม่ไว้วางใจระหว่างกันได้
หากเป็นเรื่องของการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความจริงใจ ไม่ว่าจะผ่านช่องทางทูต หรือเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้
สุดท้ายนี้ ดิฉันหวังว่าผู้นำของทั้งสองประเทศจะสามารถประคองสถานการณ์นี้ไว้ได้ด้วยสติ และเห็นคุณค่าของสันติภาพมากกว่าความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแผ่นดิน เส้นเขต หรืออารมณ์ของใครคนใดคนหนึ่ง ขอให้คิดถึงชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่งไว้ก่อน






