แชตลับอดีตพระดัง ‘ทิดสฤษดิ์’โผล่สัมพันธ์ลับเศรษฐีนี
“พระธรรมวชิรธีรคุณ” ลาสิกขากลางดึก สะเทือนวงการสงฆ์นครสวรรค์ กับคำถามถึงความสัมพันธ์ลับที่ถูกเปิดโปง
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 วงการพระพุทธศาสนาไทยได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึง เมื่อมีการรายงานข่าวว่าพระผู้ใหญ่ระดับสูงของจังหวัดนครสวรรค์ “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง และเจ้าคณะจังหวัด ได้ทำการลาสิกขาอย่างเป็นทางการแล้ว สร้างแรงสะเทือนครั้งใหญ่ต่อทั้งคณะสงฆ์และศรัทธาประชาชนที่เคารพนับถือ
เหตุการณ์นี้เริ่มเป็นที่สนใจเมื่อ “นายบุญเชิด กิตติธรางกูร” รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พระธรรมวชิรธีรคุณ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งทั้งเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคมเป็นต้นไป
แต่สิ่งที่ทำให้ข่าวลือแพร่สะพัดกว้างขวางยิ่งขึ้น คือรายงานข่าวที่ตามมาว่า ในช่วงเวลาเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 19 กรกฎาคม (เวลา 23.49 น.) พระธรรมวชิรธีรคุณได้ประกอบพิธีลาสิกขา ณ พระอุโบสถวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง โดยมีพระครูนิภาธรรมประสิทธิ์ รองเจ้าคณะจังหวัด เป็นประธานในพิธี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเงียบงัน ไม่มีการประกาศล่วงหน้า ไม่มีพิธีกรรมที่เปิดเผยต่อสาธารณชน และถูกจับตาจากทั้งภายในวงการพระพุทธศาสนา และสังคมโดยรอบว่า อะไรกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจลาสิกขาของพระผู้ใหญ่รูปนี้ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักปกครอง ผู้ทรงภูมิธรรม และมีสมณศักดิ์สูงส่ง
จากพระธรรมวชิรธีรคุณ… สู่ “ทิดสฤษดิ์”: การลาสิกขาแบบเร่งด่วนกลางดึกที่เต็มไปด้วยคำถาม
“พระธรรมวชิรธีรคุณ” หรือชื่อใหม่หลังลาสิกขาว่า “นายสฤษดิ์” นั้น เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางตอนบน และมีบทบาทสำคัญในการบริหารงานคณะสงฆ์ในจังหวัดนครสวรรค์มาอย่างยาวนาน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า พระธรรมวชิรธีรคุณ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์ “สูงกว่าพระชั้นเทพ” ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับหัวแถวของคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบัน
การลาสิกขาในยามวิกาลจึงยิ่งเพิ่มความคลางแคลงใจในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวใกล้ชิดที่เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้อาจมีต้นตอมาจากเรื่อง “ความสัมพันธ์ส่วนตัว” ที่ไม่เหมาะสมกับสตรีรายหนึ่ง
หลักฐานแชตหลุด: ความสัมพันธ์ระหว่าง "ทิดสฤษดิ์" และ "เศรษฐินีปากน้ำโพ" วัย 57 ปี
แหล่งข่าวระบุว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงได้รับการร้องเรียนจากประชาชน พร้อมแนบหลักฐานการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันแชต ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็น “พระธรรมวชิรธีรคุณ” กับสตรีวัย 57 ปี ชาวนครสวรรค์ ผู้ซึ่งถูกระบุว่าเป็นนักธุรกิจระดับท้องถิ่นที่มีฐานะดี ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันว่า “เศรษฐินีปากน้ำโพ”
ในข้อความแชตดังกล่าว พบการใช้สรรพนามที่แสดงความใกล้ชิด เช่น ฝ่ายหญิงเรียกตัวเองว่า “แม่” และเรียกอีกฝ่ายว่า “ลูก” ซึ่งอาจดูเหมือนความสัมพันธ์ตามประเพณี แต่เนื้อหาในการสนทนาอื่น ๆ บ่งชี้ถึงความสนิทสนมเกินระดับความสัมพันธ์ทางธรรมะทั่วไป
บางข้อความเป็นการอวยพรวันเกิด การห่วงใยเรื่องสุขภาพ และคำกล่าวที่แสดงความผูกพันทางใจในลักษณะที่บุคคลทั่วไปอาจตีความได้ว่าเป็น “ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว” ซึ่งหากเป็นจริง ย่อมขัดต่อพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง
แรงกระเพื่อมในวงการสงฆ์: คำถามที่สังคมยังต้องการคำตอบ
แม้ไม่มีการออกแถลงข่าวจากพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือผู้แทนของท่านโดยตรง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อศรัทธาของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหลายคนรู้สึกตกใจและผิดหวัง
เพราะตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ท่านเป็นพระที่มีบทบาททางการศาสนาและสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการบูรณะวัด ส่งเสริมการศึกษา สร้างกิจกรรมสาธารณประโยชน์ และทำหน้าที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่ได้รับการยอมรับจากพระภิกษุสามเณรในจังหวัด
คำถามจึงมีอยู่ว่า หากข่าวที่สื่อมวลชนรายงานเกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์กับเศรษฐินี” นั้นเป็นเรื่องจริง ทำไมคณะสงฆ์หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงไม่ออกมาชี้แจงต่อสาธารณชน? และการลาสิกขาในช่วงกลางดึกเช่นนี้ เกิดจากการตัดสินใจส่วนตัว หรือมีแรงกดดันทางการเมืองหรือสังคมอยู่เบื้องหลัง?
ผลกระทบต่อศาสนจักร: วิกฤตศรัทธาและบทเรียนที่ต้องเรียนรู้
เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นข่าวสะเทือนวงการพระพุทธศาสนา แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบการคัดเลือกและดูแลพระผู้ใหญ่ในตำแหน่งระดับสูง หากไม่มีกลไกตรวจสอบภายในที่เข้มแข็ง ก็อาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำซากในอนาคต
การลาสิกขาของพระผู้ใหญ่ย่อมไม่ใช่เรื่องผิดหากเกิดจากความสมัครใจด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือสุขภาพ แต่หากมีเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือขัดต่อพระธรรมวินัย ก็ควรมีการสอบสวนอย่างเปิดเผย เพื่อเป็นบทเรียนให้กับวงการสงฆ์ในภาพรวม
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอจากนักวิชาการด้านศาสนาและผู้ติดตามวงการพระพุทธศาสนา ว่าควรมีการปฏิรูประบบการสรรหาพระสังฆาธิการในระดับจังหวัด ให้มีความโปร่งใส มีการตรวจสอบประวัติบุคคลอย่างเข้มงวด และให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมรับรู้ข้อมูลของพระที่ได้รับตำแหน่งสำคัญในท้องถิ่น
เสียงสะท้อนจากประชาชน: ผิดหวัง แต่ยังศรัทธา
แม้เหตุการณ์นี้จะกระทบศรัทธาของชาวพุทธในพื้นที่นครสวรรค์อยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนมากที่แสดงความเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า “ผิดหวังกับตัวบุคคล แต่อย่าเหมารวมศาสนา” หลายคนยังคงเดินทางไปกราบพระในวัดอื่น และทำบุญตามปกติ
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านบางกลุ่มก็เรียกร้องให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า “เศรษฐินีปากน้ำโพ” ที่ถูกพาดพิงในข่าวนั้นมีบทบาทอะไรในกิจกรรมของวัดหรือไม่ มีการบริจาคเงิน หรือเข้าออกวัดในลักษณะที่ผิดปกติหรือเปล่า
สรุป: ก้าวต่อไปของอดีตพระผู้ใหญ่ กับศาสนจักรที่สั่นสะเทือน
เมื่อพระผู้ใหญ่ระดับจังหวัดลาสิกขาเพราะเหตุการณ์อื้อฉาวที่ยังไม่เคลียร์ชัด ย่อมสะเทือนต่อความศรัทธาของสังคมไทยในวงกว้าง แม้ท่านจะเป็นบุคคลที่เคยได้รับความเคารพนับถือ แต่เมื่อเข้าสู่สถานะ “ฆราวาส” แล้ว การใช้ชีวิตหลังสิกขาก็ต้องดำเนินไปตามกฎหมายและศีลธรรมของฆราวาส
คำถามสุดท้ายคือ… เราจะจัดการกับเหตุการณ์เหล่านี้อย่างไรในอนาคต เพื่อไม่ให้ศาสนาเป็นเครื่องมือของอำนาจหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว และจะสร้างระบบที่ทำให้พระสงฆ์สามารถอยู่ในผ้าเหลืองด้วยความบริสุทธิ์ใจได้อย่างยั่งยืนหรือไม่?




















