ทารกจาก DNA คน 3 คน
ทารกจาก DNA 3 คน
ในช่วงกลางปี 2025 โลกได้เฝ้าดูความสำเร็จทางการแพทย์ที่เคยเป็นเพียงความฝัน เมื่อประเทศอังกฤษได้ประกาศว่า เด็กทารก 8 คนแรกที่ถือกำเนิดจากเทคนิคที่ใช้ DNA จาก “คนสามคน” ลืมตาดูโลกอย่างแข็งแรง ไม่มีโรคทางพันธุกรรมที่เป็นภัยเงียบของหลายครอบครัว เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จในห้องทดลอง แต่มันคือก้าวกระโดดที่ทำให้คำว่า “ครอบครัว” เปลี่ยนความหมาย และโลกต้องทบทวนจริยธรรมทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่า mitochondrial replacement therapy (MRT) หรือบางครั้งก็เรียกว่า “IVF แบบ 3 พ่อแม่” เป็นเทคนิคที่นักวิจัยในสหราชอาณาจักรพัฒนาขึ้น โดยใช้การผสมผสาน DNA จากพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด ร่วมกับไมโตคอนเดรียจากผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้บริจาคไข่ที่ไม่มีพันธุกรรมกลายพันธุ์ วิธีนี้มีเป้าหมายเดียวคือ “ตัดโอกาสการสืบทอดโรคทางไมโตคอนเดรีย” ซึ่งมักนำไปสู่ความพิการร้ายแรง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจล้มเหลว โรคสมอง และอื่น ๆ ที่ไม่สามารถรักษาได้ในปัจจุบัน
นักวิจัยจาก Newcastle University เผยว่า การทดลองนี้เป็นการย้ายนิวเคลียสของไข่ที่ผสมระหว่างพ่อแม่ ไปใส่ในไข่ของผู้บริจาคที่ล้าง DNA หลักออกไปแล้ว เหลือเพียงไมโตคอนเดรียที่แข็งแรง เด็กที่เกิดจากกระบวนการนี้จึงมี DNA หลักจากพ่อและแม่ และเพียง 0.1% ของ DNA จากผู้บริจาค ซึ่งอยู่ในส่วนที่ควบคุมพลังงานของเซลล์เท่านั้น
ผลลัพธ์คือ เด็กทารกทั้ง 8 คน ไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ พวกเขามีพัฒนาการตามเกณฑ์ เติบโตด้วยสุขภาพดี และไม่มีสัญญาณของโรคไมโตคอนเดรียเลยแม้แต่น้อย แม้ในกรณีหนึ่งจะพบว่าเด็กบางคนมี DNA กลับคืนจากแม่เล็กน้อย แต่ระดับนั้นต่ำจนไม่ส่งผลใด ๆ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม การถือกำเนิดของเด็กจาก DNA 3 คนไม่ได้มาพร้อมเสียงปรบมือเพียงด้านเดียว ยังมีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับความเหมาะสม จริยธรรม และการเปลี่ยนแปลงบทบาทของผู้ให้กำเนิด หลายคนตั้งคำถามว่า เด็กเหล่านี้จะรู้สึกอย่างไรเมื่อเติบโตขึ้นและรู้ว่าตนมี “พ่อแม่ทางชีวภาพสามคน” หรือสังคมพร้อมจะยอมรับความเป็น “หลายมิติ” ของครอบครัวในอนาคตหรือไม่
แม้จะยังมีประเด็นทางจริยธรรม แต่การทดลองนี้ยังคงถูกมองว่าเป็นก้าวยิ่งใหญ่ของวงการแพทย์ มันคือการเปิดประตูไปสู่โลกที่ผู้หญิงที่เคยสิ้นหวังว่าจะมีลูกโดยไม่ส่งต่อโรคร้าย กลับมีความหวังอีกครั้ง เด็กที่ครั้งหนึ่งอาจไม่เคยได้ลืมตาดูโลก กลับมีโอกาสใช้ชีวิตเต็มที่ เพราะเทคโนโลยีที่กล้าหาญและการวิจัย















