กองทัพไทยเคลื่อนไหว หลังเหตุระเบิดชายแดน หวังใช้เวที JBC แก้ตึงเครียดระหว่างประเทศ
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา: เหตุระเบิดในพื้นที่ช่องบก กับการตอบสนองของไทยที่ไม่อ่อนข้อ
แม้พรมแดนระหว่างไทย-กัมพูชาจะไม่ได้เป็นพื้นที่สงครามเปิด แต่เหตุการณ์ความไม่สงบย่อย ๆ ยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ ล่าสุดในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีรายงานว่า กำลังพลของไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่า ความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนยังเป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม
ทางกองทัพไทยได้ดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ ทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ โดยมีการเลื่อนยศให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และมอบเงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงการให้เกียรติแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศ
จุดที่น่าสนใจคือการตอบสนองของทางการไทยในเชิงนโยบายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมีการส่งหน่วยผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบระเบิดดังกล่าวอย่างละเอียด หากพบว่าเป็นกับระเบิดที่เพิ่งถูกวางใหม่ ก็จะถือว่าเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ห้ามการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยเด็ดขาด
โฆษกของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้เน้นย้ำว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการรุกล้ำอธิปไตยของไทยจริง ไทยจะไม่เพิกเฉยและจะตอบสนองอย่างเหมาะสม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศ
ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของไทยก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยมีการหารือกับกัมพูชาในกรณีหญิงชาวกัมพูชาตะโกนใส่ทหารไทยที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหว ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะมีการควบคุมและคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพื้นที่อย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดโอกาสเกิดเหตุเผชิญหน้าหรือการเข้าใจผิดระหว่างกัน
ในภาพรวม ไทยยังคงดำเนินนโยบายเปิดพรมแดนตามปกติ ไม่เลือกใช้มาตรการปิดด่าน แม้จะมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงการต่างประเทศยังได้เสนอให้มีการประชุม “คณะกรรมาธิการชายแดนร่วม” หรือ JBC สมัยพิเศษในเดือนกันยายน ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการเปิดโต๊ะเจรจา ลดความเข้าใจผิด และวางแนวทางการบริหารพื้นที่ชายแดนร่วมกัน
















