โศกนาฏกรรมนักบิด หมีป่าโจมตีถึงชีวิตหลังพยายามให้อาหาร
เมื่อเร็วๆ นี้ เกิดเหตุการณ์น่าสลดใจที่ประเทศโรมาเนีย นักท่องเที่ยวชาวอิตาลีวัย 48 ปี นาย Omar Farang Zin ได้เสียชีวิตจากการถูกหมีสีน้ำตาลทำร้ายขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์บนถนน Transfagarasan ซึ่งเป็นถนนที่มีชื่อเสียง เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงอันตรายของการเข้าใกล้สัตว์ป่า โดยเฉพาะหมีสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและมีพฤติกรรมดุร้าย
นาย Omar Farang Zin กำลังท่องเที่ยวด้วยรถจักรยานยนต์ในโรมาเนีย และได้พบกับหมีสีน้ำตาลตัวเมียพร้อมลูกของมันบนถนน Transfagarasan เขาได้หยุดรถและพยายามให้อาหารหมีตัวเมียดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่การถูกโจมตีอย่างรุนแรง พยานผู้เห็นเหตุการณ์ได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย แต่เมื่อทีมกู้ภัยไปถึง ก็พบร่างของนาย Omar อยู่ในหุบเขาใกล้เคียง โดยคาดว่าถูกหมีลากไป และเสียชีวิตจากการถูกทำร้าย
จากการสอบสวนเบื้องต้นโดย Armand Chiriloiu ผู้อำนวยการกรมป่าไม้ในพื้นที่ พบว่านาย Omar ได้ลงจากรถจักรยานยนต์และพยายามให้อาหารหมี โทรศัพท์มือถือของเขาที่พบในที่เกิดเหตุมีภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นหมีกำลังเดินเข้ามาใกล้เขา ก่อนเกิดเหตุการณ์โจมตีขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ย้ำว่าบริเวณดังกล่าวมีป้ายเตือนเป็นภาษาอังกฤษและโรมาเนียกำกับไว้ชัดเจนว่าห้ามให้อาหารหมีป่า นอกจากนี้ ก่อนเสียชีวิตเพียงวันเดียว นาย Omar ได้โพสต์ภาพและวิดีโอลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้เข้าใกล้หมีป่าอย่างผิดปกติ และในวิดีโอ เขายังได้ตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า "ดูสิ หมี! สวยงามอะไรอย่างนี้!"
Dragos Onea-Arges หนึ่งในสมาชิกทีมกู้ภัย เล่าถึงความยากลำบากและความอันตรายของภารกิจ โดยระบุว่าหมีตัวเมียที่ก่อเหตุยังคงตามทีมกู้ภัยและโจมตีหลายครั้ง เนื่องจากมันอยู่ในภาวะตื่นตัวและหวงลูก ในที่สุด หมีตัวเมียดังกล่าวก็ถูกนายพรานที่ร่วมทีมกู้ภัยยิงเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการรักษาระยะห่างจากสัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์ป่าขนาดใหญ่และมีแนวโน้มก้าวร้าวอย่างหมีสีน้ำตาล
ปัจจุบัน โรมาเนียมีประชากรหมีสีน้ำตาลประมาณ 10,000 ถึง 13,000 ตัว โดยในพื้นที่ถนน Transfagarasan มีหมีประมาณ 112 ตัว ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงกว่าความสามารถในการรองรับของพื้นที่ถึงสี่เท่า จากข้อมูลของสำนักงานสิ่งแวดล้อมโรมาเนีย ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการถูกหมีโจมตีถึง 30 ราย และในปี 2024 รัฐสภาโรมาเนียได้เพิ่มโควตาการล่าหมีประจำปีเป็นสองเท่า โดยอนุญาตให้ล่าได้ 481 ตัวต่อปี เพื่อควบคุมประชากรหมี
เหตุการณ์นี้นับเป็นโศกนาฏกรรมที่สามารถป้องกันได้ หากนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามคำเตือนและรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากสัตว์ป่า การให้อาหารสัตว์ป่าไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวเอง แต่ยังส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของสัตว์ป่า ทำให้พวกมันคุ้นเคยกับมนุษย์และอาจมองหามนุษย์เป็นแหล่งอาหาร ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเผชิญหน้าและการโจมตีในอนาคต
ประสบการณ์ครั้งนี้ควรเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อพักผ่อนหรือผจญภัย ความเคารพและเข้าใจในธรรมชาติของสัตว์ป่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันอุบัติเหตุและรักษาความปลอดภัยของทั้งมนุษย์และสัตว์ป่า






