ทุ่นระเบิด อาวุธราคาถูกที่แสงแพง
ทุ่นระเบิด หรือ “Landmine” เป็นอาวุธที่ถูกออกแบบมาเพื่อระเบิดเมื่อมีคนหรือยานพาหนะผ่านเข้ามาใกล้ เป็นอาวุธที่ “ไม่เลือกเป้าหมาย” ทำงานโดยไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมหลังจากติดตั้ง ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในอาวุธที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์สงคราม
จุดเริ่มต้นของทุ่นระเบิด
ทุ่นระเบิดเริ่มมีบทบาทในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯ มีการใช้ “ทุ่นระเบิดบกแบบดั้งเดิม” เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ จากนั้น ทุ่นระเบิดถูกพัฒนาเรื่อยมาในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 โดยมีการแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-personnel) และทุ่นระเบิดต่อต้านยานพาหนะ (Anti-vehicle)
หนึ่งในรุ่นที่เป็นที่รู้จักในยุคสงครามเย็น เช่น PMN-1 ของโซเวียต, M14 ของสหรัฐอเมริกา หรือ Type 72 ของจีน โดยส่วนใหญ่มีต้นทุนการผลิตต่ำ แต่ความเสียหายกลับรุนแรงและยืดเยื้อ
ทำไมทุ่นระเบิดถึงถูกห้ามใช้?
หลังจากสงครามจบลงในหลายพื้นที่ ทุ่นระเบิดยังคงฝังอยู่ใต้ดินนานนับสิบปี ไม่ระเบิดทันที แต่ยังคงอันตรายอยู่ เมื่อเด็ก คนเดินเท้า หรือแม้กระทั่งสัตว์ เผลอเหยียบเข้าไป มันก็จะทำงานทันที
นี่คือสิ่งที่ทำให้ ทุ่นระเบิดกลายเป็นอาวุธที่ไม่เคารพเวลาสงบ แม้สงครามจะสิ้นสุด แต่คนก็ยังต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจากมันต่อไป สถิติขององค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ทุกๆ วัน มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากทุ่นระเบิดมากกว่า 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนและเด็ก
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการผลักดันให้เกิด “อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty)” ในปี 1997 ที่มีเป้าหมายเพื่อ ห้ามการผลิต การใช้ การสะสม และการส่งออกทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ปัจจุบันมีประเทศเข้าร่วมมากกว่า 160 ประเทศ
ความอันตรายของทุ่นระเบิด
-
มองไม่เห็น: ฝังอยู่ใต้ดิน ไม่สามารถรู้ตำแหน่งได้ง่าย
-
ไม่เสื่อมสภาพเร็ว: ทุ่นระเบิดสามารถทำงานได้แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี
-
ผลกระทบต่อพลเรือน: มากกว่า 70% ของผู้เคราะห์ร้ายจากทุ่นระเบิดคือประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเด็กและเกษตรกร
-
ยับยั้งการพัฒนา: พื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดไม่สามารถใช้ทำการเกษตร ท่องเที่ยว หรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้
ตัวอย่างชื่อรุ่นของทุ่นระเบิดที่เคยใช้
-
M14 (USA) – ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้แรงกดจากเท้า
-
PMN-1 (โซเวียต) – ทรงกลม ขนาดใหญ่ พลังทำลายสูง
-
Type 72 (จีน) – ทุ่นต่อต้านรถถัง ใช้แรงกดหรือการเคลื่อนไหวใกล้ๆ
-
VS-50 (อิตาลี) – พลาสติกทั้งชิ้น ตรวจจับได้ยาก
สถานการณ์ของไทย
ประเทศไทยเคยประสบปัญหาทุ่นระเบิดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเขตชายแดน เช่น เชียงราย สุรินทร์ สระแก้ว และกาญจนบุรี จากการสู้รบในอดีต ทั้งสงครามเย็น ความขัดแย้งภายในประเทศ และการมีพื้นที่ติดกับประเทศที่เคยมีสงคราม
แม้ไทยได้ลงนามใน อนุสัญญาออตตาวาในปี 1998 และทำลายทุ่นระเบิดจำนวนมากแล้ว แต่ยังคงมีพื้นที่ที่ต้องเคลียร์อีกเป็นจำนวนมาก หน่วยงานเช่น ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง
ทุ่นระเบิดอาจดูเหมือน “อาวุธเงียบ” แต่ทว่าผลของมันกลับดังก้องในชีวิตของผู้คนจำนวนมาก ทุ่นระเบิดไม่ได้แค่ระเบิดร่างกายของผู้เคราะห์ร้าย แต่มันยังระเบิดอนาคต ความมั่นคง และความปลอดภัยของสังคมโดยรวม
ดังนั้น การยุติการใช้ทุ่นระเบิดจึงไม่ใช่แค่เรื่องของนโยบาย แต่คือ การเคารพชีวิตมนุษย์ และอนาคตของโลก และ ทุ่นระเบิด อาวุธราคาถูกที่แสงแพง เพราะมันใช้เงินเก็บกู้ได้ยาากมากๆและแพงสุดๆ
















