ฮุน มาเนด ปราบสายฟ้าแลบ! รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 234 รายใน 5 นาที แต่คนจีนหายไปไหน?
กัมพูชากวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลางกรุงพนมเปญ จับกุม 234 คนใน 5 นาที ท่ามกลางข้อสงสัย “ไม่มีคนจีน” และเร็วเกินจริง?
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตะลึงในระดับนานาชาติ เมื่อ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ผู้นำประเทศกัมพูชา ได้ออกคำสั่งด่วนในการ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ข้ามชาติทุกชนิด ทั่วประเทศ โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีหลังจากประกาศดังกล่าว ทางตำรวจกรุงพนมเปญได้อ้างว่าสามารถเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดได้ทันที รวมทั้งสิ้น 234 คน
เร็วเกินไป? เพจดังตั้งข้อสงสัย บุกจับหลังประกาศเพียง 5 นาที
เรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลคือความเร็วในการดำเนินการของทางการกัมพูชา โดย เพจ Army Military Force – สำรอง ซึ่งติดตามข่าวด้านความมั่นคง ได้โพสต์ตั้งข้อสังเกตว่า ปฏิบัติการจับกุมเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศคำสั่งนั้นอาจเป็นเรื่อง “เร็วเกินจริง”
“การบุกเข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในตึกกลางกรุงพนมเปญเกิดขึ้นหลังคำประกาศไม่ถึง 5 นาที ซึ่งน่าสงสัยว่าจะมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าหรือไม่ หรืออาจเป็นแค่ละครที่จัดฉากขึ้นเพื่อเสริมภาพลักษณ์ของรัฐบาล” – เพจ Army Military Force
จุดปฏิบัติการ: บุกตึกใหญ่ใจกลางกรุงพนมเปญ
จากรายงานของตำรวจ ตึกที่ถูกบุกตรวจค้นคืออาคารเลขที่ 15 ถนนข่านตวลทุก 128 ตั้งอยู่ในพื้นที่ Sangkat Phsar Kandal 1 เขตตวลชุก กรุงพนมเปญ โดยตึกนี้ถูกระบุว่าเป็น ศูนย์บัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ รวมถึงเป็นสถานที่ดำเนินกิจกรรมเว็บพนันออนไลน์ข้ามพรมแดน
ผลการจับกุม: ชาวเวียดนาม-กัมพูชา แต่ไร้เงาคนจีน
ผลจากการเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหาทั้งหมด 234 ราย ประกอบด้วย
ชาวเวียดนาม 149 คน (ผู้หญิง 23 คน)
ชาวกัมพูชา 85 คน (ผู้หญิง 17 คน)
ที่น่าสนใจและสร้างคำถามตามมาอย่างกว้างขวาง คือ ไม่มีชาวจีนอยู่ในกลุ่มผู้ถูกจับกุมเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายรวมถึงองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ออกมาเตือนว่าประเทศกัมพูชากลายเป็น ศูนย์กลางของการดำเนินกิจกรรมการพนันออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์โดยกลุ่มอาชญากรชาวจีนจำนวนมาก
ชาวกัมพูชาถูกจ้างเหมางานในตึก: ช่างไฟ-แม่บ้าน-พ่อครัว
จากการตรวจสอบของตำรวจ ยังพบว่า แรงงานชาวกัมพูชาที่ถูกจับกุม ส่วนใหญ่มีประวัติเป็นผู้มีอาชีพสุจริตมาก่อน เช่น
อดีตช่างไฟฟ้า
อดีตคนงานก่อสร้าง
อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัย (จากบริษัทรักษาความปลอดภัยชื่อดัง Han Hong)
อดีตพ่อครัวและแม่บ้าน
แรงงานเหล่านี้มีหน้าที่ดำเนินงานสนับสนุนภายในตึก ทั้งดูแลระบบไฟฟ้า ทำอาหาร ทำความสะอาด หรือจัดการระบบไอทีเบื้องต้น โดยบางคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ
ยึดของกลางมูลค่ามหาศาล: เครื่องตัดสัญญาณ-NAS-ซิมนับร้อย
ในระหว่างการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด ได้แก่
เครื่องตัดสัญญาณมือถือ
อุปกรณ์ SIM Box
คอมพิวเตอร์เกมมิ่งระดับสูง
NAS (Network-Attached Storage)
ซิมการ์ดจำนวนมาก
โทรศัพท์มือถือและเครื่องสื่อสารต่าง ๆ
อุปกรณ์เหล่านี้ถูกใช้ในการติดต่อหลอกลวงเหยื่อ ทั้งในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์, การฟอกเงินออนไลน์, และการเปิดเว็บพนันเถื่อน
ดำเนินคดีชาวเวียดนาม-ตรวจสอบการเข้าเมืองผิดกฎหมาย
ทางการกัมพูชาแถลงเพิ่มเติมว่า ได้เริ่มดำเนินคดีอาญากับ ชาวเวียดนาม ที่เกี่ยวข้องทุกราย พร้อมตั้งข้อหาเพิ่มเติมหากพบว่าเข้ามาในกัมพูชา อย่างผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่พนมเปญระบุว่า จะมีการตรวจสอบหนังสือเดินทาง, ประวัติการเข้าเมือง และใบอนุญาตทำงานของแรงงานชาวเวียดนามทุกคนอย่างละเอียด หากพบการลักลอบเข้าเมือง จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในฐานะ "เข้าเมืองผิดกฎหมาย"
ทำไมไม่มี “ชาวจีน”? จุดตั้งข้อสังเกตที่ประชาชนสงสัย
ข้อสงสัยที่ใหญ่ที่สุดคือ ทำไมการบุกจับกุมครั้งนี้ไม่มีชาวจีนแม้แต่คนเดียว ทั้งที่ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงต่างประเทศหลายแห่ง รวมถึงรายงานของ UN ต่างระบุว่าชาวจีนเป็นหัวเรือใหญ่ในขบวนการเหล่านี้
“ภาพที่ออกมาคือจับแต่แรงงานเวียดนามและกัมพูชา แต่ไม่มีตัวการ ไม่มีผู้ควบคุมระดับสูง หรือเจ้าของกิจการเลย” – ความคิดเห็นจากโซเชียลมีเดีย
นักวิเคราะห์ชี้ อาจเป็นการ “สร้างภาพ” ของรัฐบาลฮุน มาเนต
นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงบางคนให้ความเห็นว่า ปฏิบัติการครั้งนี้อาจเกิดจากความกดดันจากต่างชาติ โดยเฉพาะองค์การระหว่างประเทศ ที่กล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นฐานของขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ
การเร่งจับกุมอาจเป็นความพยายามของรัฐบาล ฮุน มาเนต ในการ “ลบคำครหา” และแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์
ความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น:
1. รู้ล่วงหน้า
การวางกำลังบุกจับกุมอย่างมีระบบภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที อาจบ่งชี้ว่า มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงรอคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี
2. จัดฉากสร้างภาพ
อีกข้อสังเกตจากนักวิจารณ์คือ การจัดฉากเพื่อแสดงผลลัพธ์ ของคำสั่งผู้นำ อาจเป็นการกำกับโดยภายในเพื่อควบคุมภาพลักษณ์ทางการเมือง
3. ไม่มีตัวการจีนเพราะ “ได้รับการคุ้มครอง”?
ในบางกรณี กลุ่มอาชญากรชาวจีนอาจ มีเครือข่ายหรือข้อตกลงพิเศษกับผู้มีอำนาจ ทำให้การดำเนินคดีจริงจังยังเป็นเรื่องยาก
สรุป: จับจริงหรือแค่โชว์?
การจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เป็นปฏิบัติการที่สร้างเสียงฮือฮา ทั้งด้วยจำนวนผู้ถูกจับกุมที่มากถึง 234 ราย และความรวดเร็วระดับ “5 นาทีหลังคำสั่ง” ของนายกรัฐมนตรี
แต่ความสงสัยในสังคมยังคงมีอยู่มาก ทั้งเรื่องของ “ตัวการจีนที่หายไป” และคำถามว่าปฏิบัติการนี้เป็นของจริง หรือเป็นแค่การแสดงเพื่อเสริมภาพลักษณ์รัฐบาล







