เดือดไม่ไหว! ‘แพรรี่’ สวนกลับแรง หลังเห็นแชทหลุดสะเทือนโซเชียล
“แพรรี่ ไพรวัลย์” เดือด! หลังเห็นแชทสีกาคุยหวานกับพระ ซัดแหลก “เหมือนเด็กประถมเพิ่งมีความรัก” ปมดราม่าเขย่าวงการสงฆ์
กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสร้อนแรงที่สะเทือนโซเชียลอย่างรุนแรง เมื่อ “แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร” อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง และปัจจุบันเป็นอินฟลูเอนเซอร์คนสำคัญในสังคม ได้ออกมาโพสต์ฟาดแรงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังมีภาพแชทของหญิงสาวรายหนึ่ง หรือที่หลายคนเรียกว่า “สีกา” หลุดออกมาบนโลกออนไลน์ โดยเป็นการสนทนากับ “พระสงฆ์” ในลักษณะที่เกินขอบเขตและมีท่าทีคล้ายคนกำลังตกอยู่ในห้วงรักใหม่
งานนี้แพรรี่ไม่อยู่เฉย! พร้อมฟาดไม่ยั้ง ชี้พฤติกรรมดังกล่าวไม่ต่างจากการแสดงมารยาเพื่อผลประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่อง “เงิน” ที่ถูกพูดถึงอย่างตรงไปตรงมาในโพสต์
เปิดโพสต์เดือดจาก “แพรรี่ ไพรวัลย์” ชี้ชัด! สีกาคุยกับพระเพราะ "เงิน เงิน และเงิน"
โดยในโพสต์บน Facebook ของแพรรี่ ไพรวัลย์ ได้ระบุข้อความอย่างชัดเจน พร้อมน้ำเสียงประชดประชันแต่เต็มไปด้วยความจริงจังว่า:
"กูจะบ้าตาย เหมือนเด็กประถมเพิ่งมีความรักครั้งแรก มารยาสาไถยแท้ๆ เลย สำหรับมึงที่คุยกับพระ 1 ก็คือเงิน 2 ก็คือเงิน และ 3 ก็คือเงินค่ะ อีเวรตะไล"
โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์และคอมเมนต์อย่างล้นหลามในเวลาอันรวดเร็ว โดยชาวเน็ตต่างแสดงความเห็นหลากหลาย ทั้งเห็นด้วย และบางส่วนก็วิจารณ์แรงเช่นกัน แต่ที่แน่ ๆ คือเรื่องนี้กลายเป็นไวรัลในทันที พร้อมกระตุกให้สังคมตั้งคำถามอีกครั้งว่า “เกิดอะไรขึ้นในวงการพระสงฆ์ของไทย?”
ย้อนรอยดราม่า “พระ-สีกา” ที่ยังไม่เคยจบสิ้น
ประเด็นเกี่ยวกับ พระสงฆ์มีความสัมพันธ์กับสีกา หรือสตรีทั่วไปนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย หากย้อนดูประวัติศาสตร์หรือข่าวเก่า ๆ เราจะพบว่ามีกรณีลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และหลายครั้งนำไปสู่การพ้นจากสมณเพศ หรือการดำเนินคดีในทางกฎหมาย
แต่ครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ดราม่าดังกล่าวลุกลามจนเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ คงหนีไม่พ้นการที่คนมีชื่อเสียงอย่าง “แพรรี่ ไพรวัลย์” ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน โดยใช้ถ้อยคำรุนแรง ฟาดตรงแบบไม่ไว้หน้าใคร ส่งผลให้ชื่อของเขา และประเด็น “พระคุยกับสีกา” กลับมาติดเทรนด์อีกครั้ง
โซเชียลระอุ! ชาวเน็ตเมนต์สนั่น บางส่วนจวกสีกา “หวังผลประโยชน์” บางรายถาม “พระยังไงถึงมาตอบแชทแบบนี้ได้?”
หลังจากโพสต์ดังกล่าวของแพรรี่เผยแพร่ออกไป เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งในเชิงสนับสนุน และตั้งข้อสังเกตเชิงศีลธรรม เช่น:
“เห็นด้วยเลยค่ะ สีกาบางคนไม่ได้เข้าวัดด้วยศรัทธา แต่เข้าไปหวังเงิน หวังปั่นพระให้หลุดศีล”
“พระอะไรจะมาตอบแชทผู้หญิงแบบนั้น ถามจริง เคารพจีวรบ้างไหม”
“หรือพระบางรูปก็ยินดีให้เล่นด้วยอยู่แล้ว?”
“แพรรี่พูดแทนใจมากๆ โดนทุกคำ!”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงบางส่วนที่มองว่า ควรให้โอกาสสีกาในการอธิบาย และอย่าเพิ่งตัดสินเพียงเพราะข้อความบางส่วนในแชทเท่านั้น
ทำไม “แพรรี่ ไพรวัลย์” ถึงฟาดเดือดเรื่องนี้?
หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้แพรรี่ถึงขั้นใช้คำพูดรุนแรงในโพสต์นี้ คำตอบอยู่ที่ “ประสบการณ์ตรง” และ “ภาพรวมของวงการพระสงฆ์” ที่เขาเคยอยู่มาก่อน
ไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ “แพรรี่” เป็นอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังจากการไลฟ์เทศน์ออนไลน์ มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก และเคยอยู่ในวงการพระสงฆ์มายาวนาน เขาจึงเข้าใจดีว่าการที่พระจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสีกานั้นเป็นเรื่อง “ต้องห้าม” ตามหลักพระธรรมวินัย
และเมื่อเห็นพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความไม่เหมาะสม และส่อไปในทางที่ทำลายภาพลักษณ์ของสงฆ์ไทย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะออกมาพูดเพื่อสะกิดสังคมให้ “ตาสว่าง”
วิเคราะห์มุมมองแพรรี่: พฤติกรรมล่อแหลมของ “สีกา” หรือความหละหลวมของ “พระ”?
หากมองให้ลึกลงไป บางคนอาจตั้งคำถามว่า ประเด็นนี้ควรโทษใคร?
ฝ่ายหญิงที่เข้าไปสร้างความสนิทสนมกับพระ
หรือฝ่ายพระเองที่ยอมเปิดใจคุยแบบไม่มีขอบเขต?
ในโพสต์ของแพรรี่ แม้จะใช้ถ้อยคำรุนแรงกับ “สีกา” อย่างชัดเจน แต่หากวิเคราะห์จากบริบทโดยรวม จะเห็นว่าเขากำลังพยายามส่งสารให้สังคมรับรู้ว่า “วงการพระสงฆ์กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง” เพราะมีบุคคลภายนอกบางรายที่อาจแฝงตัวเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
และที่สำคัญ เขายังสื่ออีกว่า หากไม่มีพระที่เปิดช่อง ก็ย่อมไม่มีแชทเหล่านี้เกิดขึ้น
ปรากฏการณ์นี้ สะท้อนอะไรต่อสังคมไทย?
1. วงการสงฆ์ไทยต้องการการปฏิรูป
ไม่ใช่เพียงในแง่โครงสร้าง แต่รวมถึงจริยธรรมของพระสงฆ์แต่ละรูป ที่ควรตั้งอยู่บนความมั่นคงทางศีลธรรม
2. สื่อสังคมออนไลน์มีพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะเพียงโพสต์เดียวของแพรรี่ ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นไวรัล สะท้อนว่าประชาชนสนใจเรื่องธรรมะและจริยธรรมของพระมากกว่าที่คิด
3. พระสงฆ์ในยุคดิจิทัลต้องระวังพฤติกรรม
การตอบแชท การใช้โซเชียล หากไม่เหมาะสม อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที
บทสรุป: “แพรรี่ ไพรวัลย์” กับบทบาทผู้ตรวจสอบสังคม ผ่านสายตาคนเคยอยู่ในวัด
แม้ใครหลายคนจะวิจารณ์สไตล์การพูดของแพรรี่ว่าแรงและไม่เหมาะสม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือหนึ่งในเสียงที่กล้าพูดในเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวพันกับศาสนาและวงการพระสงฆ์
การออกมาแสดงความเห็นของเขา แม้จะมีอารมณ์ปนอยู่ แต่ก็คือ “เสียงเตือน” ที่สะท้อนภาพความจริงในสังคมไทยในยุคปัจจุบัน ที่ พระบางรูปอาจลืมบทบาทของตน และสีกาบางคนอาจมองพระเป็นช่องทางผลประโยชน์มากกว่าศรัทธา
คำถามสุดท้ายคือ… สังคมไทยพร้อมจะรับมือกับเรื่องแบบนี้อย่างโปร่งใส และปฏิรูปวงการสงฆ์อย่างจริงจังได้แล้วหรือยัง?







