ภูเขาน้ำแข็งยักษ์! เคลื่อนที่เข้าใกล้กรีนแลนด์
นักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบัน รวมถึง British Antarctic Survey (BAS) และสถาบันอุตุนิยมวิทยาเดนมาร์ก (DMI) รายงานว่า ภูเขาน้ำแข็ง A23a ซึ่งถูกระบุว่าเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งกรีนแลนด์มากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
นี่ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมา หลังจากลอยออกจากทวีปแอนตาร์กติกาและเคลื่อนผ่านมหาสมุทรใต้ขึ้นมาสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
ภูเขาน้ำแข็ง A23a มีพื้นที่ประมาณ 3,900 ตารางกิโลเมตร หนักมากกว่า 1 ล้านล้านตัน หนากว่า 200-300 เมตรใต้น้ำ และสูงโผล่เหนือผิวน้ำประมาณ 30 เมตร มันหลุดออกมาจากแผ่นน้ำแข็ง Filchner Ice Shelf ในแอนตาร์กติกาตั้งแต่ปี 1986 และเคยเกยตื้นอยู่ในทะเลเวดเดล (Weddell Sea) นานกว่า 30 ปี ก่อนจะเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งในปี 2023 เพราะอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า A23a ลอยอยู่ในทะเลระหว่างกรีนแลนด์กับแคนาดา และกำลังถูกกระแสน้ำและลมพัดเข้ามาใกล้ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของกรีนแลนด์มากขึ้นเรื่อย ๆ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า จะชนชายฝั่งกรีนแลนด์หรือไม่ หรือจะเริ่มสลายตัวกลางทะเลก่อนถึงฝั่ง แต่ทุกฝ่ายกำลังจับตาใกล้ชิด เพราะหากภูเขาน้ำแข็งเข้ามาใกล้ฝั่งมากกว่านี้ อาจส่งผลกระทบหลายด้าน
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ กระทบการเดินเรือ เพราะภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อาจเป็นอันตรายต่อเส้นทางเดินเรือในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ โดยเฉพาะเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างยุโรปกับอเมริกาเหนือ รวมถึงอาจทำให้กระแสน้ำทะเลเปลี่ยนทิศ ส่งผลต่ออุณหภูมิและระบบนิเวศในภูมิภาค อีกทั้งหากภูเขาน้ำแข็งแตกตัวหรือถล่มใกล้ชายฝั่ง อาจทำให้เกิดคลื่นยักษ์ (Tsunami ขนาดเล็ก) ที่สร้างความเสียหายต่อชุมชนชายฝั่ง หรือเปลี่ยนสภาพชายฝั่งถาวร สัตว์ทะเลอย่างปลา วาฬ และแมวน้ำ ก็อาจสูญเสียแหล่งหาอาหารหรือถิ่นที่อยู่อาศัย
นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ภาวะโลกร้อนมีส่วนสำคัญ เพราะอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้ภูเขาน้ำแข็งที่เคยหยุดนิ่ง เริ่มเคลื่อนที่มากขึ้น และแตกตัวง่ายกว่าเดิม งานวิจัยของ BAS พบว่า อัตราการละลายของธารน้ำแข็งรอบแอนตาร์กติกาเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
ภูเขาน้ำแข็ง A23a จึงกลายเป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่สะท้อนว่า ภาวะโลกร้อนไม่ใช่แค่ปัญหาที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป เพราะภูเขาน้ำแข็งที่หลุดออกจากขั้วโลก อาจส่งผลกระทบจริงจังต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียง และการเดินเรือในภูมิภาคอาร์กติก













