Meta ดื้อ! เดินหน้าระบบ ‘จ่ายหรือยอมแชร์ข้อมูล’ ไม่หวั่นถูกอียูปรับอ่วม”
เมื่อพูดถึง Meta ชื่อที่หลายคนรู้จักในฐานะบริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram หนึ่งในประเด็นร้อนที่กำลังสั่นสะเทือนวงการโซเชียลมีเดียยุโรปตอนนี้ คือ โมเดล ‘จ่ายหรือยอม’ (Pay-or-Consent) ที่ Meta เลือกใช้ แม้จะเสียงแตกทั้งในหมู่ผู้ใช้ หน่วยงานกำกับดูแล และนักกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลก็ตาม
ล่าสุด มีรายงานจากแหล่งข่าววงในว่า Meta จะไม่ยอม “ปรับเปลี่ยน” โมเดลนี้อีกแล้ว แม้จะเสี่ยงโดนค่าปรับมหาศาลจากสหภาพยุโรป (EU) ก็ตาม
Pay-or-Consent คืออะไร?
แนวคิด Pay-or-Consent ไม่ได้ซับซ้อนแต่กลับสร้างข้อถกเถียงใหญ่ เพราะ Meta เสนอทางเลือกให้ผู้ใช้ในยุโรปว่า “ถ้าไม่อยากให้เก็บข้อมูลส่วนตัวเพื่อใช้โฆษณาตามพฤติกรรม ก็ต้องยอมจ่ายเงินรายเดือนแทน”
พูดง่าย ๆ คือ ผู้ใช้มี 2 ทางเลือก
- ยอมรับการเก็บข้อมูลส่วนตัว เพื่อให้ระบบแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ (ฟรี)
- หรือ จ่ายค่าสมัครสมาชิกรายเดือน เพื่อใช้งานโดยไม่ถูกติดตามพฤติกรรม
ฟังดูเหมือนเป็นการให้สิทธิเลือก แต่สำหรับหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในยุโรปหลายประเทศ กลับมองว่านี่คือการ “บังคับทางอ้อม” มากกว่าการให้ความยินยอมอย่างแท้จริง
ปัญหาที่ Meta เผชิญ
ยุโรปขึ้นชื่อว่าเข้มงวดเรื่องกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะ GDPR (General Data Protection Regulation) ที่ระบุชัดว่าการใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อโฆษณาต้องได้รับ “ความยินยอมโดยสมัครใจ” ของผู้ใช้จริง ๆ
ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงคือ ถ้าทางเลือกเดียวที่คนจะไม่ถูกติดตามคือต้อง “จ่ายเงินเพิ่ม” แบบนี้ จะถือว่าความยินยอมเป็นอิสระจริงหรือเปล่า? หลายฝ่ายเชื่อว่าผู้ใช้หลายคนอาจไม่มีทางเลือก เพราะไม่อยากเสียเงินเพิ่มแต่ก็ต้องจำใจยอมให้ติดตามข้อมูลอยู่ดี
นี่คือเหตุผลที่ EU กำลังจับตามอง Meta อย่างใกล้ชิด และอาจลงดาบด้วยค่าปรับมหาศาลในเร็ว ๆ นี้
ทำไม Meta ถึงไม่ยอมถอย?
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับผู้บริหาร Meta เปิดเผยว่า บริษัทมองว่าโมเดลนี้สอดคล้องกับกฎหมาย GDPR เพราะผู้ใช้ยังมีทางเลือก เพียงแต่ทางเลือกนั้นอาจไม่ถูกใจบางคน และ Meta เองก็ยังยืนยันว่าต้องมีรายได้จากโฆษณาเพื่อให้บริการฟรีได้ต่อไป
นอกจากนี้ Meta อ้างว่าการเพิ่มทางเลือกจ่ายเงิน คือการเพิ่มความยุติธรรมให้คนที่ไม่อยากถูกติดตามพฤติกรรม ส่วนการปรับเปลี่ยนโมเดลอีกอาจสร้างความสับสนให้ผู้ใช้ และยุ่งยากทางเทคนิคมากขึ้น
ความเสี่ยงที่รออยู่
หากคณะกรรมาธิการยุโรปตัดสินว่าโมเดลนี้ละเมิด GDPR จริง Meta อาจถูกปรับเป็นเงินมหาศาลได้ เพราะกฎหมาย GDPR ให้อำนาจปรับสูงสุดถึง 4% ของรายได้รวมต่อปี ซึ่งสำหรับ Meta แล้ว ตัวเลขนี้อาจสูงถึงหลายพันล้านยูโรอย่างไรก็ตาม Meta ดูเหมือนจะประเมินแล้วว่ารายได้จากโฆษณาที่จะได้กลับมา ยังคุ้มกว่าการเปลี่ยนระบบให้ซับซ้อนขึ้น หรือยอมเสียฐานข้อมูลโฆษณาที่เป็นหัวใจรายได้หลัก
เสียงสะท้อนจากผู้ใช้แม้จะมีเสียงไม่พอใจจากผู้ใช้ในยุโรปไม่น้อย หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมถึงต้องจ่ายเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ในเมื่อการไม่ถูกติดตามควรเป็นสิทธิพื้นฐานอยู่แล้ว ขณะเดียวกันผู้ใช้จำนวนมากก็ยอมรับเงื่อนไขต่อไปเพราะไม่อยากเสียเงินเพิ่ม
สัญญาณนี้สะท้อนให้เห็นว่า สำหรับหลายคน ความสะดวกสบายและการใช้แพลตฟอร์มฟรี อาจมีค่ามากกว่าความกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัว
✅ สรุป
- Meta ยืนยันไม่ปรับโมเดล Pay-or-Consent แม้จะเสี่ยงถูก EU ปรับอ่วม
- ฝั่ง EU มองว่าการบังคับให้ผู้ใช้ “ยอม” หรือ “จ่าย” อาจละเมิดสิทธิการยินยอมโดยสมัครใจ
- โมเดลนี้สะท้อนความท้าทายของยุคดิจิทัล ว่าเมื่อบริการฟรีต้องพึ่งโฆษณา ข้อมูลผู้ใช้งานจึงกลายเป็น “สินค้า” ที่มีค่ามหาศาล
- ผู้ใช้หลายคนยอมแลกข้อมูลกับความฟรี ขณะที่บางส่วนเริ่มเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เคารพสิทธิส่วนบุคคลมากขึ้น
ใครที่ใช้งาน Facebook หรือ Instagram อยู่ทุกวัน เรื่องนี้ไม่ไกลตัวเลย เพราะข้อมูลของเราคือขุมทรัพย์ของแพลตฟอร์มยักษ์ และการ “กดตกลง” โดยไม่อ่านให้ดี อาจแลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวที่หายไปโดยไม่รู้ตัวหากคุณเห็นว่าข่าวนี้สำคัญ อย่าลืมกดแชร์ เพื่อชวนคนรอบข้างหันมาใส่ใจสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลให้มากขึ้น 🌍🔒
อ้างอิงจาก: bbc cnn













