Kongō Gumi: บริษัทก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ยืนหยัดมายาวนานกว่า 1,400 ปี
เมื่อพูดถึง “บริษัทเก่าแก่” หลายท่านอาจนึกถึงกิจการในยุโรปที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน หรือโรงงานจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่คงมีน้อยคนที่จะคาดคิดว่า บริษัทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในโลก... กลับตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น
บริษัทแห่งนี้มีชื่อว่า Kongō Gumi (คงโง งูมิ หรือ คอนโกะ กูมิ)
ก่อตั้งขึ้นใน ปี ค.ศ. 578 หรือราว 1,400 ปีก่อน และยังคงดำเนินกิจการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นจากช่างไม้
Kongō Gumi เริ่มต้นจากชายชาวเกาหลีใต้ชื่อ Kongō Shigemitsu ซึ่งเป็นช่างไม้ฝีมือเยี่ยมจากอาณาจักรแพ็กเจ (ในเกาหลีปัจจุบัน) เขาได้รับเชิญจากจักรพรรดิญี่ปุ่นในยุคนั้นให้มาช่วยสร้าง วัด Shitennō-ji ซึ่งเป็นวัดพุทธแห่งแรก ๆ ของญี่ปุ่นในเมืองโอซากา
เมื่อก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย Kongō Shigemitsu และลูกหลานของเขาก็ไม่ได้เดินทางกลับไป แต่ตั้งรกรากอยู่ในญี่ปุ่น และสืบทอดกิจการช่างไม้ต่อกันมาเรื่อย ๆ รุ่นสู่รุ่น นับรวมแล้วกว่า 40 รุ่น ภายใต้ชื่อ Kongō Gumi
ความลับของความยั่งยืน
เหตุผลที่ Kongō Gumi ดำเนินกิจการต่อเนื่องมายาวนานกว่า 1,400 ปี ไม่ได้เกิดจาก “ความเก่ง” ทางช่างไม้เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก แนวคิดการปรับตัวที่ยืดหยุ่นและเข้าใจยุคสมัย
บริษัทมีการปรับรูปแบบการบริหารงานให้เหมาะกับสภาพสังคมในแต่ละยุค
ยอมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมงานช่าง
หาลูกค้าใหม่ ๆ ที่ต้องการบูรณะวัด ศาลเจ้า หรือสิ่งปลูกสร้างแบบดั้งเดิม
แม้จะผ่านวิกฤตมาหลายช่วง เช่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือวิกฤตเศรษฐกิจญี่ปุ่นในยุคฟองสบู่แตก แต่ Kongō Gumi ก็ยังประคับประคองตัวเองอยู่รอดมาได้ทุกครั้ง
บทบาทในยุคสมัยใหม่
ในปี 2006 บริษัทประสบภาวะหนี้สินสะสมและถูกซื้อกิจการโดย Takamatsu Construction Group บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี ผู้บริหารชุดใหม่ยังคงรักษา ชื่อเสียง ประเพณี และเทคนิคการก่อสร้างแบบดั้งเดิม ของ Kongō Gumi ไว้ครบถ้วน
ทุกวันนี้ Kongō Gumi ยังรับงานก่อสร้างและบูรณะวัด ศาลเจ้า และอาคารสำคัญทางศาสนาในญี่ปุ่น โดยคงไว้ซึ่งความประณีตและความเคารพต่อรากเหง้าทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง
มากกว่าธุรกิจ... คือ “มรดกที่มีชีวิต”
Kongō Gumi ไม่ใช่เพียงแค่บริษัทที่ดำเนินงานได้นานที่สุดในโลก แต่ยังสะท้อน สายใยอันแน่นแฟ้นระหว่างศาสนา วัฒนธรรม และธุรกิจ ได้อย่างงดงาม
ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าการยืนหยัดคือ การไม่หลงลืม “รากเหง้า” และยังคงรักษาคุณค่าดั้งเดิมไว้ได้เสมอ
ข้อคิดจากเรื่องราวของ Kongō Gumi
ความยั่งยืนไม่ได้เกิดจากความสำเร็จเพียงชั่วคราว แต่เกิดจากความมั่นคงของจิตใจ และการใส่ใจในรายละเอียด
การรักษาคุณค่าเดิม ควบคู่ไปกับการปรับตัว คือหัวใจของการ “อยู่รอด”
และในท้ายที่สุด...สิ่งที่คนรุ่นใหม่ควรเรียนรู้จากรุ่นเก่า อาจไม่ใช่เพียงเทคนิคหรือความรู้ หากแต่คือ ความอดทน ความรับผิดชอบ และการให้เกียรติในสิ่งที่ทำ
หากท่านใดสนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ธุรกิจที่มีรากฐานลึกซึ้งแบบนี้ ดิฉันขอแนะนำให้ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Kongō Gumi ไว้เป็นแรงบันดาลใจ ไม่เฉพาะในเชิงธุรกิจ แต่รวมถึงชีวิตและการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่งในทุกยุคทุกสมัยค่ะ😉😊






















