“สงครามภาษีทรัมป์: หมัดเดียวเขย่าเศรษฐกิจโลก ใครอยู่ใกล้ก็โดนลูกหลง!”
วันนี้มาคุยเรื่อง “Trade War” หรือ สงครามการค้า ที่หลายคนได้ยินจนชินหูในข่าวยุคทรัมป์ แต่เบื้องหลังไม่ได้แค่ “ภาษีขึ้น” แล้วจบ — เพราะมันคือหมัดภาษีที่ไปกระแทกโซ่อุปทานทั้งโลกแบบโดมิโน จนบางประเทศยังสะดุ้งไม่เลิกแม้ทรัมป์จะพ้นตำแหน่งแล้ว!
💣 แล้วหมัดแรกออกไปยังไง?
พอเข้าปี 2018 ทรัมป์ก็ประกาศ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เริ่มจากเหล็ก อลูมิเนียม แล้วลามไปสินค้าเทคโนโลยี เครื่องจักร ของใช้ไฟฟ้า ข้าวของเครื่องใช้สารพัด รวมแล้วมูลค่ากว่า 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จีนก็สวนทันที — ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอเมริกากลับบ้าง เช่น ถั่วเหลือง เนื้อหมู เนื้อวัว และรถยนต์ ผลก็คือเกษตรกรสหรัฐฯ เจ็บหนักจนต้องพึ่งเงินอุดหนุนจากรัฐบาลแทน
ใครเจ็บ ใครได้?
- ✅ อเมริกา: โรงงานเหล็กบางแห่งกลับมาเปิด คนงานบางกลุ่มได้งานคืน ทรัมป์ก็ได้คะแนนเสียงในรัฐอุตสาหกรรม
- ❌ ผู้บริโภคอเมริกัน: ราคาสินค้าขึ้นทันที เพราะสินค้านำเข้าถูกเก็บภาษี แถมหลายธุรกิจต้องแบกต้นทุนเพิ่ม
- ✅ จีน: แม้โดนภาษี แต่จีนยังหาตลาดใหม่ได้ เช่น ขายถั่วเหลืองให้รัสเซีย อินเดีย หรือเอเชียแทน
- ❌ ประเทศรอบวง: หลายประเทศเจ็บไปด้วย เพราะห่วงโซ่อุปทานโลกพันกันหมด สายการผลิตที่อยู่จีนแล้วส่งต่อไปสหรัฐฯ ก็ต้องปรับยกใหญ่
ห่วงโซ่อุปทานสั่นสะเทือน
นี่คือจุดสำคัญ — โรงงานหลายแห่งเริ่มไม่กล้าอยู่จีน 100% อีกแล้ว กลัวเจอภาษีเพิ่ม ก็เลยย้ายบางส่วนไป เวียดนาม อินเดีย เม็กซิโก หรือแม้แต่ไทย เพื่อกระจายความเสี่ยง
กลายเป็นเทรนด์ที่คนในวงการเรียกว่า “China + 1”
หมายถึง “มีจีนได้ แต่อย่ามีแค่จีน” — ต้องมีฐานผลิตสำรองอย่างน้อย 1 ประเทศ
ยุโรปก็โดนด้วย
ไม่ใช่แค่จีน ทรัมป์ยังขู่เก็บภาษีรถยนต์จากยุโรปด้วย โดยเฉพาะเยอรมนี เพราะมองว่า “ทำไมคนอเมริกันซื้อ BMW Mercedes Benz ได้ แต่รถอเมริกันขายในยุโรปยากจัง?”แน่นอนว่าผู้ผลิตรถยุโรปสะดุ้งเฮือก ต้องรีบเจรจายื้อกันยาว ๆ เพราะถ้าโดนขึ้นภาษีจริง ๆ เม็ดเงินส่งออกรถหรูก็สั่นสะเทือนทันที
แล้วตลาดหุ้นล่ะ?
ทุกครั้งที่ทรัมป์ทวีตขู่จีน ตลาดหุ้นก็เหวอทันที นักลงทุนทั่วโลกโยกเงินไปสินทรัพย์ปลอดภัย ดอลลาร์ผันผวน บริษัทที่พึ่งการค้าโลกต้องรัดเข็มขัดกันวุ่น
แล้วสงครามนี้จบยัง?
แม้ทรัมป์จะพ้นตำแหน่งแล้ว แต่รัฐบาล Biden ก็ยัง ไม่ถอยภาษีทั้งหมด เพราะสหรัฐฯ ยังมองว่าจีนเป็น คู่แข่งเทคโนโลยีตัวจริง ใครปล่อยให้จีนก้าวข้ามในเรื่องชิป AI อุปกรณ์ไฟฟ้า ก็เท่ากับยกอำนาจนำโลกให้จีน
ดังนั้น หลายภาษีจึงยังอยู่ และกลายเป็นเครื่องมือกดดันต่อรองในสมรภูมิเทคโนโลยีระหว่าง 2 มหาอำนาจ
สรุป: หมัดภาษีหนึ่งที สะเทือนทั้งโลก
สงครามการค้าทรัมป์พิสูจน์ให้เห็นว่า ห่วงโซ่อุปทานโลกมันเชื่อมกันแน่นหนาแค่ไหน
ขึ้นภาษีประเทศหนึ่ง คนอีกซีกโลกก็โดนหางเลขโรงงานต้องย้าย สายพานการผลิตต้องแบ่งเสี่ยง
บริษัทต้องหาพาร์ตเนอร์ใหม่ ผู้บริโภคก็จ่ายแพงขึ้นสุดท้ายแม้สงครามจะเบาลงไปช่วงนึง แต่โลกก็กลับไปฟรีเทรดแบบเดิม 100% ยากแล้ว — เพราะทุกประเทศเริ่มเรียนรู้ว่าถ้าฝากอนาคตไว้กับแค่ประเทศเดียว วันหนึ่งอาจโดนภาษีฟาดหน้าได้เหมือนกัน!แล้วคุณล่ะ คิดว่าโลกควรกลับไปโลกาภิวัตน์แบบเดิม หรือกระจายเสี่ยงแบบใหม่ดีกว่า?
คอมเมนต์มาคุยกันหน่อยครับ! 🌎💣📦
อ้างอิงจาก: bbc cnn



















