วัยรุ่นเวียดนามแห่เข้ารพ. หลังมีอาการทางจิต เนื่องจากสูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน

     ในเมืองเหงะอาน นักเรียนจำนวนมาก ที่มีอายุระหว่าง 15-17 ปี ได้เดินทางมารับการรักษาในโรงพยาบาล หลังจากใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานาน เนื่องจากพวกเขามีอาการทางจิต ประเภทโรคจิตเภทที่มีอาการพิษ เช่น ประสาทหลอน และ หวาดระแวง...

จากข้อมูลของโรงพยาบาลจิตเวชเหงะอานพบว่า "จำนวนผู้ป่วยที่เป็นนักศึกษาอายุ 15-17 ปี ที่มีอาการหวาดระแวง ประสาทหลอน และ โรคจิตเวช ที่เข้ารับการรักษามีจำนวนค่อนข้างมาก" อย่างไรก็ตาม การจำแนกว่าผู้ป่วยรายใด มีอาการหวาดระแวง ประสาทหลอน หรือ โรคจิตเวชอันเนื่องมาจากการใช้สารเสพติด หรือ บุหรี่ไฟฟ้า นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย...      นายแพทย์ "ฟาม ทิ อันห์" หัวหน้าแผนกกู้ชีพฉุกเฉินและพิษสุรา ของโรงพยาบาลจิตเวชเหงะอาน กล่าวว่า "ในความเป็นจริง มีเด็กจำนวนมากที่มีอาการทางจิต และ ประสาทหลอนในวัยเรียน แต่ก็ไม่สามารถแยกจำนวนเด็ก ที่ใช้สารเสพติดหรือใช้บุหรี่ไฟฟ้า ที่มีส่วนผสมของยาเสพติดสังเคราะห์ได้" และ "เมื่อนักเรียนใช้บุหรี่ไฟฟ้าแล้วมีอาการทางจิต ย่อมต้องมีการผสมยาสังเคราะห์เข้าไปด้วย ผู้ป่วยแต่ละรายเมื่อเข้ารับการบำบัด มักต้องใช้เวลากว่า 3 สัปดาห์ จึงจะมีอาการคงที่และออกจากโรงพยาบาลได้"      กรณีของนักเรียนชาย "ดี. เอ็มที" ซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ในชุมชนเดียนโจว  จังหวัดเหงะอาน เป็นคำเตือนที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลเสียของบุหรี่ไฟฟ้า ต่อสุขภาพจิตของเขา เขาถูกครอบครัวพามาที่โรงพยาบาล ในสภาพที่แสดงออกถึงพฤติกรรมผิดปกติหลายอย่าง อ่อนล้า เซื่องซึม และ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้      ครอบครัวกล่าวว่า "ดี. เอ็มที" กล่าวว่า "ลูกชายของพวกเขาเปลี่ยนไป เขาแสดงอาการแปลกๆออกมา เขามักขังตัวเองอยู่ในห้อง พูดจาไม่ชัดเจน ตอบสนองช้า และ มักเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น เขาคิดอยู่เสมอว่ามีคนกำลังทำร้ายเขา"

"ดี. เอ็มที" กล่าวว่า "ผมเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มแรกเกิดจากความอยากรู้อยากเห็น เมื่อไปเที่ยวกับเพื่อนๆ" และ "หลังจากที่ผมสูบครั้งแรก ผมก็รู้สึกสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม" และ "หลังจากที่ผมสูบมากขึ้นเรื่อยๆ วันละ 1 แท่ง ผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ผลที่ได้จากมันนอกจากจะสนุกแล้ว คือ ผมรู้สึกสบายตัวขึ้น มีสมาธิดีขึ้น และ นอนหลับได้ง่ายขึ้น"      "ดี. เอ็มที" ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิต และ มีพฤติกรรมแปลกๆ อันเนื่องมาจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเขาได้รับการรักษาด้วยจิตบำบัด ร่วมกับยารักษาอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปกว่า 10 วัน อาการของเขาค่อยๆดีขึ้น...      "ฟาม ทิ อันห์" กล่าวเสริมว่า "ปัจจุบัน นักเรียนจำนวนมาก ที่มีอายุระหว่าง 14-17 ปี ใช้บุหรี่ไฟฟ้าผสมกับ น้ำมันหอมระเหย เช่น กัญชา" และ "นั่นก็ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการพิษเฉียบพลัน มีอาการซึม ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ และ มีเหงื่อออกมาก พวกเขาต้องได้รับการชดเชยน้ำและเกลือแร่ และ ได้รับการรักษาฉุกเฉินทันที"      นายแพทย์ "เหงียน ดึ๊ก ไท" รองหัวหน้าแผนกกุมารเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ โรงพยาบาลจิตเวชเหงะอาน กล่าวว่า "บุหรี่ไฟฟ้ามีการออกแบบที่สะดุดตาและมีกลิ่นหอม แต่บุหรี่ไฟฟ้าอาจประกอบด้วยสารอันตรายหลายชนิด เช่น นิโคติน กลีเซอรีน ฟอร์มาลดีไฮด์ อะเซทัลดีไฮด์ และ แม้แต่ยาเสพติดสังเคราะห์"      "นิโคติน" เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์รุนแรง ซึ่งก่อให้เกิดการพึ่งพาทางจิตใจ "กลีเซอรีน" สามารถทำให้เกิดโรคปอดบวมได้ และ สารประกอบเช่น "ฟอร์มาลดีไฮด์" และ "อะเซทัลดีไฮด์" เป็นสารก่อมะเร็ง

"เหงียน ดึ๊ก ไท" กล่าวอีกว่า "สมองจะพัฒนาอย่างแข็งแกร่งที่สุด ในช่วงอายุ 13 ถึง 25 ปี หากคุณใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย ในช่วงเวลานี้ ความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อสมองนั้น ไม่สามารถกลับคืนได้"     นักเรียนมัธยมต้นหลายคน สูบบุหรี่ไฟฟ้ามาหลายปีแล้ว ซึ่งพวกเขายอมรับว่าเคยใช้น้ำมันหอมระเหยกัญชาผสมด้วย ซึ่งนักเรียนมักถูกหลอกให้คิดว่ากัญชา เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว กัญชาที่พวกเขาใช้นั้นผิดกฎหมาย ซึ่งผลกระทบทำให้เกิดอาการประสาทหลอน หวาดระแวง และ มีอาการทางจิต หลังจากใช้ไประยะหนึ่ง...