กลยุทธ์ทหารไทยที่ทำให้ทหารเขมร ไม่กล้าลั่นไก เพราะทุกวินาทีคือเดิมพันชีวิต
สืบเนื่องจากวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทยคมบูชาขึ้นอีกครั้ง ใกล้ภูเขาพนมกะโม (หรือภูผี) โดยสื่อของเขมรที่มีชื่อว่าFresh News ได้รายงานข่าวทหารพรานไทย ที่เข้าไปลาดตระเวนในพื้นที่ที่เขมรอ้างสิทธิ์ ส่งผลให้ทหารเขมรไม่พอใจ และเกือบมีการปะทะกันหากเพื่อนทหารในพื้นที่ไม่มีการห้ามปราม
ในรายงาน ได้กล่าวว่า ทหารเขมรบางนายเตรียมพร้อมอาวุธ ไม่ว่าจะเป็น ระเบิด B40 และพร้อมโจมตี หากถูกมองว่ามีการบุกรุกเข้ามาอีกครั้ง
ด้านทหารไทยเอกก็มีทั้งอาร์ทีเคร่งเครียดไม่แพ้กัน โดยมีภาพเปิดให้เห็นว่าทหารไทยกำระเบิดไว้ในมือ ในขณะที่ทหารทั้งสองฝ่ายมีการเจรจา เพื่อป้องกันตนเองในกรณีฉุกเฉิน
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายระหว่างไทยและเขมรได้ตกลงกันว่าจะไม่มีการลาดตระเวนบริเวณดังกล่าวนี้อีก แต่กลับพบว่ามีการเคลื่อนไหวที่ผิดข้อตกลง จนเป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายมีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
แปลว่าท้ายที่สุดจะมีการเจรจาและแยกย้ายโดยไม่มีเหตุการณ์ปะทะ แต่ก็สร้างความตึงเครียดบริเวณพื้นที่ดังกล่าว
ต่อมาโฆษกกองทัพบกออกมาชี้แจง ว่า ทหารของไทยพบว่าทหารเขมรมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ข้อพิพาทบริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งมีการลาดตระเวนเข้ามาบ่อยขึ้น รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเขมรลงพื้นที่ด้วย พร้อมยาบ้าทางทหารไทยนั้นพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการปะทะพร้อมกับยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี
ซึ่งในขณะเดียวกันมีการแชร์ภาพทหารพรานไทยที่กำระเบิดไว้ในมือ ในขณะที่มีการเจรจากับทางทหารเขมร ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์เมื่อมีผู้โพสต์ระบุว่า ทุกนาทีในพื้นที่ข้อพิพาทคือความเสี่ยง และทหารจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
นักเขียนด้านความมั่นคง ได้พูดว่า ทหารไทยนั้นมีข้อจำกัดระเบียบที่เข้มงวดในการใช้อาวุธกับทางต่างชาติต้องได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุด ซึ่งแตกต่างจากทางฝ่ายเขมรที่สามารถเปิดฉากยิงได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่ง ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในครั้งอดีตเมื่อปี 2554 และ 2568 ที่ฝ่ายเขมรเป็นคนเริ่มยิงก่อน
ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้สามารถสรุปได้ว่าถึงแม้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีการปะทะกันโดยตรงแต่ก็มีการถกเถียงซึ่งสร้างความตึงเครียดในพื้นที่ และทุกฝ่ายต้องจับตามองความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายอย่างใกล้ชิด








