น้ำใจนักท่องเที่ยวฮ่องกง ทิ้งเงินรางวัล 5,000 บาท เลี้ยงอาหารเช้าคนไต้หวัน
เรื่องราวอันอบอุ่นหัวใจได้เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงคนหนึ่งที่เดินทางท่องเที่ยวรอบเกาะไต้หวัน ได้สร้างความประทับใจให้กับชาวไต้หวันและชาวเน็ตจำนวนมาก ด้วยการทิ้งเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1,355 ดอลลาร์ฮ่องกง) ที่ได้รับจากการจับรางวัลของสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ไว้ที่ร้านอาหารเพื่อเลี้ยงอาหารเช้า "คนมีวาสนา" ก่อนเดินทางกลับฮ่องกง
นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงรายนี้ได้เขียนข้อความด้วยลายมือบนกระดาษ และใส่ซองจดหมายสีแดงที่มีข้อความ "遊台灣金福氣" (เที่ยวไต้หวัน สุขภาพดี มีโชค) วางไว้ที่ร้านอาหาร โดยข้อความระบุว่า "ตอนมาถึงไต้หวันได้จับรางวัลของสำนักงานการท่องเที่ยว แล้วได้เงินรางวัล วันนี้ฉันจะกลับฮ่องกงแล้ว เอาเงินกลับไปไม่ได้ เลยอยากจะเลี้ยงอาหารเช้าทุกคน" นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและมิตรไมตรีที่ได้รับตลอดการเดินทางในไต้หวัน "ขอบคุณคนดีๆ และสิ่งดีๆ ที่ได้พบเจอระหว่างทาง! ขอบคุณมิตรภาพของชาวไต้หวัน"
เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยโดยชาวเน็ตไต้หวันคนหนึ่งที่บังเอิญได้รับ "อาหารเช้าฟรี" และได้ถ่ายภาพพร้อมโพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Threads ทำให้โพสต์ดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและได้รับความสนใจจากชาวเน็ตทั้งในฮ่องกงและไต้หวัน
ชาวเน็ตไต้หวันจำนวนมากได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชมการกระทำของนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงรายนี้ อาทิ "วัฏจักรแห่งความดี", "จับรางวัลได้เงินรางวัลแล้วไม่ใช้ แถมยังบริจาคให้คนอื่น ใจดีสุดๆ", "ขอบคุณเพื่อนชาวฮ่องกงที่น่ารักคนนี้ ขอให้คุณมีความสุขความเจริญ", "ใจดีมากๆ เป็นวันแห่งความสุขเล็กๆ น้อยๆ" และบางคนถึงกับกล่าวติดตลกว่า "คนดี! ขอให้ตลอดชีวิตเวลาเข้าห้องน้ำมีกระดาษชำระ"
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน กระทรวงคมนาคมไต้หวันได้จัดโครงการจับรางวัลเงินรางวัลเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวอิสระที่เดินทางมาไต้หวันและพำนักอยู่ระหว่าง 3 ถึง 90 วัน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมจับรางวัลได้ โครงการนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน และนักท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลจะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1,355 ดอลลาร์ฮ่องกง)
การกระทำของนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงผู้นี้ไม่เพียงแต่สร้างความสุขให้กับผู้ที่ได้รับอาหารเช้าฟรีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงน้ำใจและการแบ่งปันที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน ข้ามพรมแดนและวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ควรค่าแก่การบอกต่อ
















