ทรัมป์.ปิดดีลการค้ากับเวียตนามแล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าของเวียดนามไปยังตลาดสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ผลิตหลายรายย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเวียดนาม
สหรัฐฯ มีการขาดดุลการค้ากับเวียดนามค่อนข้างสูง โดยในปี 2024 สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากเวียดนาม มีมูลค่าถึง 136.6 พันล้านUS
ขณะที่สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปยังเวียดนามแค่ 13.1 พันล้านUS
ทำให้ขาดดุลการค้ากว่า 123.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สรุปข้อตกลงการค้าล่าสุด (ตามข้อมูล ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2568):
1. สหรัฐสามารถส่งสินคัาเข้าเวียดนามได้โดย ไม่ต้องเสียภาษี (duty-free)
2. สินค้านำเข้าจากเวียดนามจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% (จากที่เคยกำหนดไว้ที่ 46%)
3. ส่วนสินค้าจีนหรือสินค้าประเทศอื่น ที่ใช้เวียตนามเป็นพื้นที่ "ขนส่งข้ามแดน" ไปยังสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีสูงถึง 40%
วิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
- เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม การที่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 20% อาจกระทบต่อการแข่งขันและการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามได้
- ในทางกลับกัน สินค้าและบริการของสหรัฐฯ จะเข้าสู่ตลาดประเทศเวียตนามได้โดยไม่เสียภาษี เป็นการเพิ่มตลาดส่งออกของสหรัฐฯ
สรุปโดยรวมแล้ว
ข้อตกลงการค้านี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างเวียดนาม
และคิวต่อไปในการเจรจาคือ "ประเทศไทย" เวลา 21.00 น. (เวลาไทย) วันที่3/7/68 นี้ ต้องรอดูว่าจะเสียเปรียบการค้ามากหรือน้อยกว่าเวียดนามหรือไม่














