เปรี๊ยะพระอภัยมณี
กลายเป็นดรามาข้ามประเทศ เมื่อเพจ เก้ากระบี่เดียวดาย ได้โพสต์ภาพเกี่ยวกับละครที่กำลังจะฉายในกัมพูชา ในชื่อเรื่องว่า เปรี๊ยะอภัยมณี พร้อมกับระบุชวนตลกว่า “ละครเรื่องที่จะฉาย ถัดจาก ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ เปรี๊ยะอภัยมณี ถึงนักแสดงหน้าตาจะดำ แต่การกระทำสีชมพู” ทำเอาชาวไทยเดือดว่า กัมพูชามีพระอภัยมณีได้อย่างไร เพราะสุนทรภู่ก็เป็นคนไทย และแต่งเรื่องในไทย
ด้านเพจ เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น ได้เสริมต่อจากประเเด็นดังกล่าวว่า “เปรี้ยะอภัยมณี ก็อปปี้ พระอภัยมณีของไทย และ อย่างที่เคยบอก ใบหน้าของคนเขมรต่างไปจากยุครุ่งเรือง 60s อย่างสิ้นเชิง เพราะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปี 2518-2522 รวมถึง การล้มหายตายจาก ของศิลปะวัฒนธรรมในประเทศด้วย
ดูลูกที่เกิดจากพระอภัยมณี กับ นางยักษ์ เป็นครึ่งคนครึ่งยักษ์ ก็แต่งหน้ายักษ์ครึ่งหนึ่ง เพื่อแสดงว่า เป็นลูกครึ่ง สินสมุทร”
สำหรับ พระอภัยมณี แต่งขึ้นโดย สุนทรภู่ โดยแต่งขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 2 และต่อเนื่องมาถึงรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เริ่มแต่งในช่วงที่ต้องโทษจำคุกราวปี พ.ศ. 2364-2366 และแต่ง ๆ หยุด ๆ จนแล้วเสร็จในราว พ.ศ. 2388 เนื้อเรื่องคือ พระอภัยมณี เป็นโอรสแห่งเมืองรัตนา ได้เล่าเรียนการเป่าปี่ตามคำสั่งของบิดา เมื่อโตขึ้นถูกขับไล่จากเมืองเพราะบิดาไม่พอใจที่เรียนวิชาการเป่าปี่แทนการต่อสู้ จึงออกเดินทางกับน้องชายชื่อ ศรีสุวรรณ และได้ผจญภัยมากมาย
พระอภัยมณีถูก นางผีเสื้อสมุทร จับตัวไปอยู่ที่เกาะ และหลงใหลในความรักของนาง ต่อมาให้กำเนิดบุตรชื่อ สุดสาครภายหลังพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทรไปยังเกาะแก้ว ได้พบกับ นางเงือก ที่ช่วยชีวิต และมีบทบาทสำคัญตลอดเรื่อง
พระอภัยมณีได้เดินทางไปยังเมืองผลึก และเข้าไปพัวพันกับสงครามระหว่างเมืองต่าง ๆ มีหญิงสาวมากมายที่หลงรักเขา เช่น นางละเวง ราชินีแห่งลังกา และเกิดเหตุการณ์ซับซ้อน รวมถึงการใช้ปี่ของพระอภัยมณีเป็นอาวุธสร้างความสงบและการหลีกเลี่ยงสงคราม สุดท้ายเรื่องจบลงเมื่อพระอภัยมณีพาครอบครัวและผู้ร่วมทางเดินทางกลับอย่างสงบ พร้อมส่งเสริมให้ลูกหลานดูแลบ้านเมือง

















