ปรากฏการณ์ "Squid Game" บทสรุปสุดระทึกในซีซันสุดท้าย
ในที่สุดซีรีส์เกาหลีแนวระทึกขวัญดิสโทเปียที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกอย่าง "Squid Game" ก็ได้กลับมาอีกครั้งในซีซันที่สาม ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายที่เพิ่งเข้าฉายทาง Netflix ไปเมื่อไม่นานมานี้ นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ซีรีส์เรื่องนี้ก็สร้างกระแสไปทั่วโลกและทำลายสถิติมากมายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง
"Squid Game" ไม่เพียงแค่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ชมอย่างมหาศาล โดยทำลายสถิติเป็นซีรีส์ที่มียอดรับชมสูงสุดบน Netflix ในหนึ่งสัปดาห์ (ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ) ด้วยจำนวนชั่วโมงการรับชมสูงถึง 571.76 ล้านชั่วโมง ระหว่างวันที่ 27 กันยายนถึง 3 ตุลาคม 2021 และยังเป็นซีรีส์ Netflix Original ที่มียอดผู้ชมเปิดตัวสูงสุด โดยมีผู้รับชมถึง 142 ล้านครัวเรือนภายในเดือนแรกที่ออกฉาย ทำให้กลายเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของบริการนี้
ความโด่งดังของ "Squid Game" ทำให้ซีรีส์ขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน 97 ดินแดนทั่วโลก แซงหน้าซีรีส์ย้อนยุคอย่าง "Bridgerton" ขึ้นเป็นรายการโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนบริการสตรีมมิ่งที่มีสมาชิกมากที่สุดในโลก
เรื่องราวของ "Squid Game" ติดตามชีวิตของ ซอง กีฮุน (รับบทโดย อี จองแจ) ชายหนุ่มที่หย่าร้างและมีหนี้การพนันมหาศาล เขาคิดว่าโชคเข้าข้างเมื่อได้รับเชิญให้เข้าร่วมเล่นเกมเด็กเล่นหลายชุดเพื่อชิงเงินรางวัลมหาศาล แต่ทว่าความจริงกลับโหดร้ายและมืดมิดกว่าที่คิด
ร่วมกับผู้เล่นอีก 455 คน กีฮุน ซึ่งเป็นผู้เล่นหมายเลข 456 ถูกพาไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จักและถูกควบคุมโดยทหารติดอาวุธในชุดจั๊มสูทสีชมพูและหน้ากาก ไม่นานพวกเขาก็ได้รู้ว่าการแพ้เกมไม่ใช่แค่การถูกคัดออก แต่หมายถึงความตาย
ความสำเร็จของซีรีส์ยังส่งผลให้ อี จองแจ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักแสดงคนแรกที่ได้รับรางวัลเอมมี่จากการแสดงในผลงานที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ โดยเขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า ในงานประกาศผลรางวัลเอมมี่ไพรม์ไทม์ครั้งที่ 74 ในปี 2022 แม้ว่าซีรีส์จะไม่ได้คว้ารางวัลซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม แต่ก็เป็นซีรีส์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนี้ โดยรางวัลตกเป็นของ "Succession"
ซีซัน 2 ของซีรีส์ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ในปี 2024 ซีซันนี้กลายเป็นรายการที่มียอดรับชมสูงสุดบน Netflix ในหนึ่งสัปดาห์ ด้วยจำนวนการรับชม 68 ล้านครั้ง และขึ้นเป็นอันดับ 1 ใน 92 ประเทศทั่วโลก
ด้วยซีซันสุดท้ายที่สัญญาว่าจะนำเสนอฉากจบที่รุนแรงและคาดไม่ถึง "Squid Game" อาจสร้างสถิติใหม่และตอกย้ำสถานะความเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกอีกครั้ง









