เปิดปมสยอง 7 ปี คดีศีรษะมนุษย์ในบ้านโจร สู่การคลี่คลายคดีฆาตกรรมอำพรางสาวหายตัว!
จากคดีลักทรัพย์ธรรมดา สู่การเปิดโปงคดีฆาตกรรมอำพรางสุดสะเทือนขวัญที่ยืดเยื้อมานานกว่า 7 ปี เมื่อตำรวจจังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ค้นพบกะโหลกศีรษะมนุษย์และชิ้นส่วนกระดูกบางส่วนภายในบ้านผู้ต้องสงสัยคดีลักทรัพย์ ซึ่งภายหลังได้รับการยืนยันว่าเป็นของหญิงสาววัย 21 ปี ที่หายตัวไปเมื่อ 7 ปีก่อน ความจริงอันน่าตกใจนี้ได้นำไปสู่การจับกุมเจ้าของบ้านในข้อหาฆาตกรรม และเผยความลับอันมืดมิดของคดีปริศนาที่ถูกซ่อนไว้มานาน
คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ นายไซโตะ จุน ชายวัย 31 ปี ถูกจับกุมในคดีลักทรัพย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านของเขา เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่สิ่งที่พวกเขาค้นพบกลับไม่ใช่ทรัพย์สินที่ถูกขโมยมา ทว่ากลับเป็นกะโหลกศีรษะมนุษย์และชิ้นส่วนกระดูกบางส่วนที่ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน การค้นพบที่ไม่คาดคิดนี้ได้จุดประกายให้เกิดการสืบสวนครั้งใหญ่ และในที่สุดก็ได้คลี่คลายคดีการหายตัวไปของ นางสาวมิยาโมโตะ คาโฮะ วัย 21 ปี ซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี 2018
จากการสืบสวน ตำรวจพบว่า นายไซโตะ จุน ได้รู้จักกับนางสาวมิยาโมโตะ คาโฮะ ผ่านช่องทางออนไลน์ในปี 2018 และได้นัดหมายให้เธอมาพบที่บ้านพักของเขาในเดือนมกราคมปีเดียวกัน นายไซโตะยอมรับสารภาพว่าเขาได้ลงมือฆ่านางสาวมิยาโมโตะด้วยการรัดคอ และยังได้ทำการชำแหละศพเพื่อนำชิ้นส่วนบางส่วนไปทิ้งอำพรางคดี นอกจากนี้ เขายังอ้างว่าตนเองมีความสนใจในการฆาตกรรมมาตั้งแต่เด็ก และอ้างว่าการกระทำครั้งนี้เป็นการ "ยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย" ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นอย่างยิ่ง
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นายไซโตะได้วางแผนการอำพรางการหายตัวไปของนางสาวมิยาโมโตะอย่างแยบยล โดยได้สั่งให้เธอเขียนจดหมายทิ้งไว้ว่า "จะไปทำงานพิเศษแบบพักค้างคืน" และถอดซิมการ์ดออกจากโทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้ครอบครัวสามารถติดต่อได้ สร้างภาพลวงตาว่าเธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นางสาวมิยาโมโตะ คาโฮะ ได้เดินทางด้วยรถไฟจากสถานีสึจิอุระ จังหวัดอิบารากิ ไปยังสถานีโอเมียะ จังหวัดไซตามะ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2018 หลังจากนั้นครอบครัวของเธอก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้อีกเลย และได้แจ้งความคนหายในเวลาต่อมา
ภายหลังจากการยืนยันตัวตนของกะโหลกศีรษะและชิ้นส่วนกระดูกว่าเป็นของนางสาวมิยาโมโตะ ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนคดีนี้ในข้อหาฆาตกรรม และได้จับกุมนายไซโตะ จุน อย่างเป็นทางการ
สิ่งที่สร้างความสะเทือนขวัญให้กับสังคมญี่ปุ่นเป็นอย่างมากคือ การที่นายไซโตะ จุน อาศัยอยู่กับพ่อแม่ในบ้านหลังเดียวกัน และซ่อนชิ้นส่วนโครงกระดูกของเหยื่อไว้ในพื้นที่ที่เขากับพ่อแม่อาศัยอยู่ร่วมกัน นอกจากนี้ ตำรวจยังพบกะโหลกศีรษะอีกหนึ่งชิ้นในบ้านของนายไซโตะ ซึ่งภายหลังตรวจสอบแล้วว่าเป็นโมเดลที่สั่งซื้อมาจากอินเทอร์เน็ต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสอบสวนเพื่อตรวจสอบว่ามีเหยื่อรายอื่นอีกหรือไม่
คดีนี้ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของผู้ก่อเหตุ แต่ยังสร้างความตกตะลึงให้กับสังคมญี่ปุ่นถึงความสามารถในการซ่อนเร้นอาชญากรรมร้ายแรงไว้ท่ามกลางชีวิตประจำวัน เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นบทเรียนอันน่าสยดสยองที่สะท้อนถึงความมืดมิดในจิตใจของมนุษย์ และตอกย้ำถึงความสำคัญของการสืบสวนสอบสวนที่อาจนำไปสู่การคลี่คลายคดีที่ซับซ้อนได้อย่างไม่คาดคิด


















