จับตาคำแถลงวันนี้! “ฮุนเซน” เตรียมชงหลักฐานทักษิณ แผนเปลี่ยนผู้นำไทย – หมิ่นสถาบัน
“สมเด็จฮุนเซน” เตือนแรง! เตรียมแฉแผน “ทักษิณ” เปลี่ยนผู้นำไทย-ดูหมิ่นสถาบัน ลั่น! จะเปิดเผยต่อประชาชนไทย 27 มิ.ย.นี้
เกิดแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองไทย-กัมพูชา เมื่อ สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชาและผู้นำสูงสุดของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ออกมาแสดงจุดยืนและส่งสัญญาณแรงถึงประเทศไทย ผ่านถ้อยแถลงในเวทีสาธารณะ โดยเฉพาะประเด็นที่พุ่งเป้าไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งกลับมาใช้ชีวิตในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2566
โดยสมเด็จฮุนเซนได้กล่าว เตือนโดยตรงว่าเขาจะเปิดโปงแผนการของทักษิณ ที่กำลังเตรียมการเพื่อเปลี่ยนแปลงผู้นำไทย รวมถึงการดูหมิ่นต่อสถาบันสำคัญของไทย พร้อมทั้งระบุว่า จะเปิดเผยรายละเอียดให้ “ประชาชนชาวไทยได้รับรู้” ในวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้
ถ้อยแถลงดังกล่าวถูกตีความได้หลากหลายและกำลังจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางทั้งในวงการการเมืองไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเคยแน่นแฟ้นในยุค “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เริ่มเปราะบางในช่วงรัฐบาลใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
ฮุนเซน: “ยังไม่รู้ว่าใครมีอำนาจในไทย”
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของรัฐบาลกัมพูชาต่อรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน คือคำพูดของสมเด็จฮุนเซนที่ว่า:
“เรากำลังรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยมาเจรจากับกัมพูชา ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าใครคือผู้มีอำนาจที่แท้จริง เราไม่รู้ว่าจะเจรจากับใคร เป็นกองทัพ พรรคการเมือง หรือบุคคลที่อยู่เบื้องหลังกันแน่”
คำพูดนี้สื่อถึงความไม่มั่นใจต่อโครงสร้างอำนาจภายในรัฐบาลไทย ซึ่งสะท้อนปัญหาความไม่เป็นเอกภาพในการกำหนดนโยบายระหว่างฝ่ายการเมืองกับหน่วยงานด้านความมั่นคง และชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายกัมพูชาต้องการคู่เจรจาที่มี “อำนาจจริง” เพื่อประสานงานทางการทูตและความมั่นคง
ฮุนเซนเปรียบเทียบยุค “ประยุทธ์” กับรัฐบาลปัจจุบัน
สมเด็จฮุนเซนยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในช่วงก่อนหน้านี้ โดยกล่าวชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นผู้นำที่แม้จะมีภูมิหลังจากสายทหาร แต่สามารถสร้างเสถียรภาพและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านได้เป็นอย่างดี
“ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอยู่ในจุดที่สูงสุด แม้เขาเป็นทหาร แต่ก็สามารถเสริมสร้างความสามัคคีกับประเทศเพื่อนบ้าน”
ขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบันกลับถูกตำหนิว่า “กำลังเผชิญกับความยากลำบากกับเพื่อนบ้านทุกประเทศ” ทั้งเมียนมา มาเลเซีย ลาว และล่าสุดกับกัมพูชา โดยเฉพาะการ “ปิดชายแดนโดยฝ่ายเดียว” ของกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อการค้า การท่องเที่ยว และความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ท่าทีแข็งกร้าวของฮุนเซน: สัญญาณเตือนหรือแรงกดดัน?
การที่สมเด็จฮุนเซนออกมา “เตือน” อย่างเปิดเผย และระบุว่าจะ “แฉ” แผนการของทักษิณในวันที่ 27 มิถุนายน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า นี่คือความพยายามแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยหรือไม่? หรือเป็นเพียงการแสดงออกเชิงยุทธศาสตร์เพื่อกดดันรัฐบาลไทยในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอยู่ในช่วงเปราะบาง
นักวิเคราะห์การเมืองบางส่วนมองว่า การที่ฮุนเซนกล่าวอ้างถึง “แผนเปลี่ยนผู้นำ” และ “การดูหมิ่นสถาบัน” เป็นถ้อยคำที่แรงมาก และอาจมีนัยสำคัญในทางยุทธศาสตร์ อาจใช้เพื่อส่งสารถึง “กลุ่มอำนาจในไทย” ว่ากัมพูชายังไม่ไว้วางใจรัฐบาลใหม่ และพร้อมจะเปิดโปงข้อมูลหากถูกกดดันหรือไม่ได้รับการตอบสนองที่ต้องการ
ทักษิณ-กัมพูชา: ความสัมพันธ์ที่ถูกจับตามอง
เป็นที่ทราบกันดีในวงการการเมืองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีในระดับหนึ่งกับผู้นำกัมพูชา โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องลี้ภัยการเมืองและได้รับสถานะเป็น “ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา” เมื่อปี 2552 สมัยดำรงตำแหน่งโดยสมเด็จฮุนเซนเอง
แม้ต่อมาสถานการณ์จะคลี่คลายและความสัมพันธ์ดังกล่าวถูกปรับลด แต่ความทรงจำทางการเมืองระหว่างสองฝ่ายยังคงมีอยู่ และหลายฝ่ายเชื่อว่า “ทักษิณ” ยังคงมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกลุ่มอำนาจบางกลุ่มในกัมพูชา ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ฮุนเซนออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา: ความตึงเครียดที่ต้องจับตา
อีกประเด็นที่ไม่อาจมองข้ามคือ “ความไม่ปกติ” ที่ชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการ “ปิดด่านบางจุดโดยฝ่ายกัมพูชา” ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้าชายแดนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง “ความไม่ไว้ใจกัน” ระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงระบุว่า การปิดด่านอาจเกี่ยวข้องกับความกังวลด้านการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรืออาจเป็นเครื่องมือกดดันให้ไทยกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาตามข้อเสนอของกัมพูชา
ปฏิกิริยาในประเทศไทย: เงียบหรือรอความชัดเจน?
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคำชี้แจงหรือแถลงการณ์จากรัฐบาลไทยเกี่ยวกับถ้อยแถลงของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งถือว่า “แรงและตรง” อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อกล่าวอ้างว่า “จะเปิดโปง” พ.ต.ท.ทักษิณ และอ้างถึงประเด็นอ่อนไหวระดับชาติอย่างเรื่อง “สถาบัน”
ความเงียบของรัฐบาลอาจสะท้อนถึงความระมัดระวัง หรืออาจอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบ ก่อนจะกำหนดท่าทีอย่างเป็นทางการ
27 มิถุนายน: วันเปิดโปง หรือวันแห่งการทดสอบความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา?
เมื่อสมเด็จฮุนเซนระบุชัดว่าจะเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ทำให้วันดังกล่าวกลายเป็น “วันน่าจับตามอง” ทางการเมือง ไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่ในระดับภูมิภาคอาเซียนด้วย เพราะหากสิ่งที่ถูกเปิดเผยมีน้ำหนักจริง อาจก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อรัฐบาลไทย และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในวงกว้าง
สรุป: การเมืองไร้พรมแดน – และความเปราะบางของเสถียรภาพไทยในสายตาเพื่อนบ้าน
คำกล่าวของสมเด็จฮุนเซนครั้งนี้อาจไม่ใช่เพียง “คำเตือน” เท่านั้น แต่เป็น สัญญาณที่ชัดเจนว่า เสถียรภาพของรัฐบาลไทยกำลังถูกจับตามองจากนานาชาติและประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มข้น
การจัดการกับปัญหาภายในประเทศอย่างเป็นระบบ การแสดงภาวะผู้นำ และการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงกลายเป็นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลไทยไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป
เพราะหากเพื่อนบ้านไม่ไว้วางใจ... ประเทศไทยอาจไม่ได้เผชิญแค่ปัญหาภายใน แต่จะเผชิญวิกฤตระดับภูมิภาคที่มีเดิมพันสูงกว่าที่คิด
















