ไต้หวันติดอันดับที่ 40 ประเทศที่มีสันติภาพ มากที่สุดในโลกที่ไม่มั่นคง
วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] สถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ กล่าวว่า "ไต้หวันถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีสันติภาพมากที่สุด เป็นอันดับที่ 40 ในโลกที่มีความมั่นคงน้อย โดยมีการขัดแย้งสำคัญๆมากที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามดัชนีสันติภาพโลก ประจำปี 2025"
ในรายงานประจำปีฉบับที่ 19 ของกลุ่มวิจัย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองซิดนีย์ เกี่ยวกับสภาวะสันติภาพทั่วโลก ไต้หวันอยู่ในอันดับที่ 40 จากทั้งหมด 163 ประเทศและดินแดน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 99.7% ของประชากรโลก โดยในปี 2024 ไต้หวันอยู่อันดับที่ 38
ในบรรดาตัวบ่งชี้ 23 ประการ ที่สถาบันใช้จัดทำดัชนี ซึ่งครอบคลุมถึงปัจจัยต่างๆภายในประเทศ เช่น อัตราการฆาตกรรมและการคุมขัง ตลอดจนความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ และ ระดับของการขยายกำลังทหาร ไต้หวันมีคะแนนสูงสุดใน 8 ตัวบ่งชี้ ซึ่งรวมถึงมาตราการก่อการร้ายทางการเมือง ผลกระทบจากการก่อการร้าย และ ความขัดแย้งทั้งภายนอกและภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ไต้หวันได้รับคะแนนแย่เป็นอันดับ 2 ในความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยจัดอยู่ในประเภท "ความขัดแย้งอย่างเปิดเผย ด้วยความรุนแรงและการประท้วง" ตามรายงาน GPI ปี 2025
เกาหลีใต้และจีนก็มีคะแนนเท่ากัน ในขณะที่เกาหลีเหนือและรัสเซีย ถูกประเมินว่าแย่กว่า หรือ เป็นประเทศที่ก้าวร้าวมาก...
รัสเซียแทนที่เยเมน กลายเป็นประเทศที่มีสันติภาพน้อยที่สุด ในรายงาน GPI ปี 2025 ในขณะที่ไอซ์แลนด์ยังคงครองอันดับสูงสุด ในฐานะประเทศที่มีสันติภาพมากที่สุดในโลก
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นิวซีแลนด์มีอันดับที่ดีที่สุดในโลก คืออันดับที่ 3 รองลงมาคือสิงคโปร์ อันดับที่ 6, ญี่ปุ่น อันดับที่ 12, มาเลเซีย อันดับที่ 13, ออสเตรเลีย อันดับที่ 18, มองโกเลีย อันดับที่ 37, เวียดนาม อันดับที่ 38, เกาหลีใต้ อันดับที่ 41
สถาบันวิจัยดังกล่าว กล่าวอีกว่า "โลกมีความมั่นคงน้อยลงในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา โดยมีความไม่มั่นคงทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างมาก จำนวนความขัดแย้ง การเสียชีวิตจากความขัดแย้ง และ ความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์" และ "ตัวชี้วัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เสื่อมลงร้อยละ 13 ตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2025" และ "ความสัมพันธ์ที่แย่ลง เกิดขึ้นใน 59 ประเทศ ในขณะที่มีเพียง 19 ประเทศเท่านั้น ที่มีการปรับปรุงดีขึ้น..."
สถาบันวิจัย กล่าวเสริมว่า "ความเลวร้ายที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา เกิดจากการขัดแย้งภายนอก รองลงมาคือการเสียชีวิต จากความขัดแย้งภายใน และ การใช้จ่ายทางทหาร โดยจำนวนความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือ ระหว่างรัฐกับกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ใช่รัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 59 ครั้ง ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และ ความขัดแย้งเหล่านี้ยิ่งไม่มีทางเอาชนะได้ และ มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ" และ "โลกกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน แต่การลงทุนระดับโลก ในการป้องกันความขัดแย้ง กลับลดลงเป็นอย่างมาก..."
อินโดนีเซีย อยู่อันดับที่ 49 ในดัชนีสันติภาพโลก จีนอันดับ 98 อินเดียอันดับ 115 อเมริกาอันดับ 128 บราซิลอันดับ 130 ปากีสถานอันดับ 144 และ ไนจีเรียอันดับ 148























