กัน จอมพลังเดือด! ซัดกลับกัมพูชา “ไทยไม่จนตรอก แต่ทำไมคนคุณมาขอทานเต็มบ้าน?”
กัน จอมพลัง เดือด! โพสต์สวนกลับผู้นำกัมพูชา หลังอ้าง "ไทยจนตรอก-อับอาย" ซัดกลับตรงๆ ผู้นำฝ่ายโน้นต่างหากที่ควรอาย ปล่อยประชาชนแบกทารกมาขอทานในไทย ทั้งที่ตัวเองร่ำรวยขึ้นทุกวัน
ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจและถกเถียงกันอย่างหนัก กรณีของขอทานชาวกัมพูชาที่เข้ามาขอทานในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อล่าสุด "กัน จอมพลัง" หรือชื่อจริง นายภคพงศ์ อุดมกัลป์ นักเคลื่อนไหวและผู้ทำงานด้านการช่วยเหลือสังคมชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความตอบโต้ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว “กันจอมพลัง ช่วยสู้” โดยระบุถึงกรณีที่ผู้นำกัมพูชาอ้างว่า "ประเทศไทยอยู่ในภาวะจนตรอกและอับอาย" ซึ่งกัน จอมพลังไม่เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวอ้างนี้ แต่ยังสวนกลับอย่างรุนแรงด้วยประเด็นสะท้อนความจริงอันน่าตกใจเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนกัมพูชาที่ยังต้องมาขอทานตามท้องถนนของไทย
สวนกลับแบบจุกๆ ชี้ "ผู้นำกัมพูชา" ต่างหากที่ควรละอาย
กัน จอมพลัง โพสต์ตอบโต้ว่า การที่ผู้นำกัมพูชาออกมาให้ภาพลักษณ์ว่าไทยอยู่ในภาวะอับอายและจนตรอกนั้นไม่ใช่ความจริงแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน สิ่งที่น่าละอายยิ่งกว่าคือการที่ประเทศกัมพูชามีการพัฒนามาหลายสิบปี แต่กลับยังปล่อยให้ประชาชนของตัวเองต้องอุ้มลูกหลานมาขอทานในต่างแดน โดยเฉพาะประเทศไทย ทั้งยังมีกรณีที่ขอทานเหล่านี้นำทารกวัยเพียงไม่กี่เดือน รวมถึงเด็กเล็กอีกหลายคนมานั่งขอทานตามแหล่งท่องเที่ยวหรือถนนสายสำคัญในกรุงเทพฯ
“กัมพูชาบอกว่าไทยกำลังจนตรอกและอับอาย กัมพูชา เอาจริงไม่ได้รู้สึกอายเลย ไอคนที่ต้องอายคือผู้นำกัมพูชาที่พัฒนาประเทศมากี่ปี ลูกหลานกัมพูชายังต้องมาขอทานข้างถนนประเทศไทยเหมือนเดิม”
— กัน จอมพลัง กล่าวในโพสต์
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังแสดงความเห็นเพิ่มเติมในช่องคอมเมนต์ใต้โพสต์อีกว่า “เห็นมีแต่ผู้นำกัมพูชาที่รวยขึ้นๆ ส่วนประชาชนก็ยังอยู่เหมือนเดิม” เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นจริงในประเทศเพื่อนบ้านนี้ ซึ่งหากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็พบว่าแม้เศรษฐกิจจะมีการเติบโตในภาพรวม แต่ประชาชนระดับล่างยังคงเผชิญความยากลำบากในชีวิตอย่างต่อเนื่อง
ภารกิจบุกจับขอทานอีกครั้ง – พบเด็กอายุเพียง 1 เดือนร่วมขอทานด้วย!
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา กัน จอมพลัง พร้อมทีมงานและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งจากแฟนเพจเกี่ยวกับขอทานกัมพูชาที่พาเด็กเล็กมานั่งขอทานตามท้องถนน จึงลงพื้นที่ทันที และพบว่ามีขอทานรายหนึ่งกำลังอุ้มเด็กวัยเพียง 1 เดือน พร้อมด้วยเด็กอีกสองคนอายุ 5 และ 7 ขวบ นั่งขอทานอยู่ริมถนนในย่านกลางกรุงเทพฯ
หลังการจับกุมและตรวจสอบประวัติ พบว่าขอทานรายนี้เคยถูกจับกุมมาแล้วถึง 4 ครั้ง และยังคงทำผิดซ้ำโดยไม่มีความเกรงกลัวกฎหมายไทย อีกทั้งยังมีการเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่น่าตกใจว่า ระหว่างที่ไปขอทานกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มักจะแสร้งทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็น “คนไทย” เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ของประเทศตัวเองต้องเสื่อมเสีย
“ผมได้รับแจ้งจาก FC และส่งทีมงานร่วมกับตำรวจไปจับขอทานกัมพูชาอีกราย ไหนฮุนเซนบอกประเทศกัมพูชาเจริญมีงานมากมายแล้วนี่ เจริญแบบไหนครับ คนกัมพูชาถึงเอาเด็ก 3 คน มานั่งขอทานอยู่ข้างถนนประเทศไทย แถมโดนจับมาแล้วตั้ง 4 รอบ แล้วก็กลับมาขอทานใหม่”
— กัน จอมพลัง
ขอทานคนดังกล่าวยังเผยอีกว่า เคยได้รับเงินจากการขอทานสูงสุดถึงวันละ 3,000 บาท และมีแผนให้ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์คลอดลูกในประเทศไทย เพื่อให้ลูกได้รับสิทธิ์เรียนฟรี รักษาฟรี ตามสวัสดิการของไทย ซึ่งถือเป็นการอาศัยช่องโหว่ของระบบอย่างชัดเจน
เสียงจาก "ขอทาน" ฝากถึง "ฮุน เซน"
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ หลังถูกจับกุม ขอทานชาวกัมพูชายังฝากข้อความผ่านกัน จอมพลัง ไปถึง "สมเด็จฮุน เซน" ผู้นำกัมพูชา ขอเพียงบ้านหนึ่งหลังและการดูแลจากรัฐ อย่าให้ต้องนอนข้างถนนในประเทศอื่น เพราะมันทำให้รู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรีในความเป็นคนและความเป็นกัมพูชา
“ขอทานบอกว่ากลับไปกัมพูชา อยากให้ฮุนเซนช่วยหาบ้านให้สักหลัง ดูแลคนของท่านให้เหมือนพูดด้วย อย่าให้มานอนข้างถนนประเทศไทย มันเสียศักดิ์ศรี”
— กัน จอมพลัง ถ่ายทอด
การเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
กัน จอมพลังยังเน้นย้ำว่า หากใครพบเห็นขอทานกัมพูชาที่อุ้มเด็กออกมาขอทานในพื้นที่ใด ขอให้แจ้งเข้ามาที่เพจของเขาทันที โดยเขาจะส่งทีมงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินการจับกุมอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามไปมากกว่านี้
เขายังฝากข้อคิดถึงผู้มีอำนาจในกัมพูชาว่า หากประเทศกำลังพัฒนาอย่างแท้จริง ประชาชนก็ควรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้คนอุ้มทารกออกมาขอทานถึงต่างประเทศ เพื่อเอาตัวรอดจากความยากจน และยังกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อทั้งสองประเทศอีกด้วย
บทสรุป
ประเด็นที่ "กัน จอมพลัง" ยกขึ้นมาในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการสวนกลับอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนความจริงของ "สองด้าน" ที่ควรได้รับการพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในยุคที่ผู้นำประเทศต่างๆ ควรหันมาทบทวนถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศตนเองมากกว่าการสร้างวาทกรรมเพียงเพื่อเอาชนะในทางการทูต
ประเทศไทยอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่การกล่าวหาว่า “อับอายและจนตรอก” อาจสะท้อนความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ขณะที่ภาพของเด็กกัมพูชาที่ยังต้องอาศัยถนนไทยเพื่อดำรงชีวิตในแต่ละวัน ก็อาจเป็น "ภาพสะท้อน" ที่ทำให้หลายคนต้องหันกลับไปถามใจตัวเองว่า "ใครกันแน่...ที่ควรจะอาย?"





















