ขุดลึก! ทายาท 5 คนของฮุนเซน กุมอำนาจทุกด้าน จากรัฐบาลถึงไซเบอร์
ราชวงศ์สุนยุคใหม่: เปิดประวัติลูก 5 คนของ “ฮุน เซน” กับภารกิจสืบทอดอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งประเทศ
ในขณะที่ประชาชนกัมพูชาจำนวนมากยังคงใช้ชีวิตอยู่กับค่าแรงขั้นต่ำไม่ถึงวันละ 5 ดอลลาร์ เด็กบางคนไม่มีแม้แต่รองเท้าใส่กลับบ้านหลังเลิกเรียน แต่ครอบครัวหนึ่งในกรุงพนมเปญกลับเต็มไปด้วยอภิสิทธิ์ ลูกๆ พูดภาษาอังกฤษคล่อง เรียนจบจากมหาวิทยาลัยระดับโลก และแต่ละคนก้าวเข้าสู่ตำแหน่งสูงในรัฐบาลกัมพูชาอย่างไร้รอยต่อ
นั่นคือ "ตระกูลฮุน" ของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ปกครองกัมพูชามายาวนานกว่า 38 ปี – สมเด็จฮุน เซน
ฮุน เซน ไม่เพียงครองอำนาจยาวนาน แต่ยังวางโครงสร้างและพิมพ์เขียวให้ลูกๆ ทั้ง 5 คนค่อยๆ เข้ายึดตำแหน่งสำคัญในกองทัพ รัฐสภา สื่อ โทรคมนาคม และสังคม จนเสมือนสร้าง "บริษัทครอบครัว" ที่ควบคุมกัมพูชาทุกมิติ และกำลังเตรียมส่งไม้ต่อไปถึงรุ่นหลาน
🔹 1. ฮุน มาเนต (Hun Manet) — นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ผู้สานอำนาจพ่อโดยตรง
ฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของฮุน เซน ได้รับการกล่าวขานว่า “ถูกแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตั้งแต่ยังเรียนมัธยม” เพราะฮุน เซนเคยประกาศไว้ตั้งแต่ลูกชายคนนี้อายุ 19 ปีว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจ
ฮุน มาเนตจบจากสถาบันเวสต์พอยต์ สหรัฐอเมริกา และมีดีกรีปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ และเคยฝึกงานกับธนาคารโลก แต่แทนที่จะเลือกเดินสายวิชาการ เขากลับกลายเป็นผู้นำรัฐบาลในปี 2566 พร้อมด้วยแนวทางปกครองแบบ “เผด็จการนุ่มนวล” (Soft Autocracy) ที่ใช้การควบคุมทางกฎหมายและกลไกรัฐมากกว่าปืนกล
ก่อนขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ ฮุน มาเนตมีบทบาทในกองทัพอย่างต่อเนื่อง:
ปี 2538: เริ่มต้นอาชีพในกองทัพกัมพูชา
ปี 2554: เป็นผู้นำการรบช่วงวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา และได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ
ปี 2566: ได้รับยศ “พลเอก” และขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ
เขาถูกมองว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่ แต่ก็ยังอยู่ใต้ร่มเงาอำนาจเก่าที่พ่อปูทางไว้ครบทุกขั้น
🔹 2. ฮุน มานา (Hun Mana) — เจ้าแม่สื่อ ผู้ควบคุมความคิดของคนทั้งชาติ
ลูกสาวคนโตของฮุน เซน แม้จะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนบ่อยนัก แต่เธอคือผู้มีอิทธิพลในด้านสื่อมากที่สุดในประเทศ สื่อกว่า 20 แห่งในกัมพูชาอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ ตั้งแต่ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ไปจนถึงแพลตฟอร์มออนไลน์
ฮุน มานาเป็นประธานบริษัท Bayon Media และหนังสือพิมพ์ Kampuchea Thmey ซึ่งถือว่าเป็นสื่อหลักของประเทศ
นอกจากนี้ เธอยังแต่งงานกับลูกชายของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้เป็นการควบรวมอิทธิพลทั้งจากตระกูลสื่อและตำรวจเข้าด้วยกันแบบ “กลมกลืน”
การควบคุมสื่อของฮุน มานาถูกมองว่าแนบเนียนและมีพลังมากกว่ารัฐบาล โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งที่ทุกช่องทางสื่อกระพือข่าวสนับสนุนพรรค CPP อย่างหนักหน่วง
🔹 3. ฮุน มานิต (Hun Manith) — บิ๊กข่าวกรองแห่งกัมพูชา
ฮุน มานิต อาจไม่ได้มีภาพลักษณ์โดดเด่นในสื่อเหมือนพี่น้องคนอื่น แต่เขาคือหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกองทัพกัมพูชา
จบการศึกษาจากนิวยอร์ก และเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ออสเตรเลีย ฮุน มานิตใช้ความรู้ด้านธุรกิจและเทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพหน่วยข่าวกรองให้ทันสมัย เขาคือผู้จับตาความเคลื่อนไหวของนักเคลื่อนไหว นักการเมืองฝ่ายค้าน และกลุ่มสื่ออิสระอย่างเงียบๆ
แต่งงานกับลูกสาวของ "Hok Lundy" อีกหนึ่งขั้วอำนาจในอดีต ถือเป็นการ “ปิดวงจรอำนาจ” ให้แน่นหนายิ่งขึ้น
🔹 4. ฮุน มานี (Hun Many) — เจ้าพ่อเยาวชน ผู้ปั้นลัทธิบูชาผู้นำ
ฮุน มานี ลูกชายอีกคนของฮุน เซน เป็นผู้อำนวยการสหพันธ์เยาวชนแห่งชาติกัมพูชา ที่ดูเหมือนจะเน้นอาสาสมัครเพื่อสังคม แต่แท้จริงแล้วเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังแนวคิดทางการเมืองให้กับคนรุ่นใหม่
เขาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงบริการพลเรือน และล่าสุดในปี 2567 ได้รับตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี” โดยเสียงโหวตอย่างเป็นเอกฉันท์ในสภา
นอกจากนี้ ฮุน มานียังเป็นสมาชิกระดับสูงของพรรค CPP และถูกจับตามองว่าอาจเป็น “นายกรัฐมนตรีคนต่อไป” หลังพี่ชาย
🔹 5. ฮุน มาลี (Hun Mali) — เจ้าแม่เน็ตเวิร์ก ผู้ควบคุมโลกดิจิทัลของเขมร
ฮุน มาลี ลูกสาวคนสุดท้อง ไม่ได้เป็นข่าวมากนัก แต่ควบคุมอุตสาหกรรมที่สำคัญไม่แพ้ใคร — อินเทอร์เน็ต
เธอแต่งงานกับลูกชายของ “สก พุทธิรุทธ” เจ้าของอิทธิพลในวงการโทรคมนาคม และในเวลาต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งให้ดูแลคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ
พูดง่ายๆ คือ เธอสามารถ "ลบคุณออกจากอินเทอร์เน็ต" ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำสั่งศาล หากพบว่าคุณพูดเรื่องที่รัฐไม่พอใจ
สองสามีภรรยายังควบคุมกิจการหลากหลายตั้งแต่พลังงานจนถึงเรือสำราญ ทำให้มีอิทธิพลทั้งบนโลกออนไลน์และโลกจริง
🔻 “ฮุน เซน” กับการออกแบบอำนาจ: จากนักรบป่ากลายเป็นราชวงศ์
จากอดีตนักรบคอมมิวนิสต์ในยุคเขมรแดง ฮุน เซนสามารถรักษาอำนาจได้ยาวนานเกือบ 4 ทศวรรษ และสร้างอาณาจักรครอบครัวที่ฝังรากลึกในทุกมิติของสังคม
แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากนานาชาติเรื่องสิทธิมนุษยชน การกวาดล้างฝ่ายค้าน และการควบคุมสื่อ แต่ตระกูลฮุนยังคงแข็งแกร่ง และเตรียมส่งต่ออำนาจไปถึงรุ่นลูกและหลาน
สิ่งที่เกิดขึ้นในกัมพูชาจึงไม่ใช่แค่ “การเมืองแบบครอบครัว” แต่คือ “ระบบราชวงศ์เผด็จการ” ยุคใหม่ ที่อำนาจไม่เปลี่ยนมือ แต่เปลี่ยนรุ่น — อย่างแนบเนียน
💬 แล้วคุณล่ะ คิดอย่างไรกับ “ตระกูลสุน” และการครองอำนาจทั้งประเทศแบบครบวงจร? แสดงความเห็นกันได้เลยด้านล่าง

















