จอนนี่มือปราบวางสายปืน! ปิดฉาก 25 ปีตำรวจ เผยทุกแผลใจที่ทำให้ตัดสินใจลาออก
“จอนนี่มือปราบ” ประกาศลาออกจากตำรวจ ยุติ 25 ปีในเครื่องแบบ เปิดใจหมดเปลือกกับระบบที่ไม่ตอบโจทย์ พร้อมลุยเวอร์ชั่นใหม่ ‘ไม่เกรงกลัวใคร’ เพื่อประชาชนตาดำ ๆ
วันที่ 23 มิถุนายน 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการตำรวจไทย เมื่อ "จอนนี่มือปราบ" หรือ ดาบตำรวจยุทธพล ศรีสมพงษ์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ได้ประกาศ ลาออกจากราชการตำรวจอย่างเป็นทางการ ผ่านทางเฟซบุ๊กของตนเอง ด้วยข้อความที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก และเจตจำนงที่ชัดเจนว่า ต้องการจะหยุดบทบาทในเครื่องแบบ เพื่อเริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่สามารถต่อสู้เพื่อประชาชนได้อย่างเต็มที่และไม่ถูกจำกัดด้วยระบบราชการ
จอนนี่มือปราบ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในตำนาน
ชื่อของ “จอนนี่มือปราบ” ไม่ใช่เพียงชื่อเรียกธรรมดาของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนหนึ่ง หากแต่เป็นชื่อที่สื่อถึง ภาพลักษณ์ของตำรวจสายลุยผู้ยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีในอาชีพตำรวจ ด.ต.ยุทธพลได้สร้างผลงานมากมายในด้านการปราบปรามยาเสพติด จับกุมผู้กระทำผิด และช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
เขาเป็นหนึ่งในตำรวจที่ได้รับการยกย่องจากประชาชนทั่วไป ด้วยบุคลิกตรงไปตรงมา กล้าพูด กล้าทำ ไม่เกรงกลัวอิทธิพล และทำงานเชิงรุกแบบเอาจริงเอาจัง มีการใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน และมีบทบาทเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะผู้ตกเป็นเหยื่อจากปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในภัยใหญ่ที่เขาต่อสู้มาตลอดชีวิตราชการ
ข้อความลาออกที่สะเทือนใจ สะท้อนความจริงของระบบ
จอนนี่มือปราบโพสต์ภาพ หนังสือลาออกจากราชการ พร้อมข้อความสุดซึ้งที่ว่า:
“ทิ้งชื่อไว้ให้เป็นตำนาน ว่าครั้งหนึ่ง เราคือตำรวจที่ดีของชาติและประชาชน จอนนี่มือปราบ… ผมลาออกแล้วนะครับ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจครับ ไว้เจอผมเวอร์ชั่นใหม่ ที่ไม่เกรงกลัวใครต่อจากนี้ จะลุยเพื่อเป็นปากเป็นเสียง เพื่อชาวบ้านตาดำๆ ที่เดือดร้อน”
ข้อความนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ความเศร้าหรือเสียดาย แต่อัดแน่นไปด้วย ความผิดหวัง ความอึดอัด และความคับข้องใจต่อระบบราชการที่ไม่เอื้อต่อการทำงานอย่างแท้จริง
เบื้องหลังการตัดสินใจลาออก – ระบบที่ขัดต่ออุดมการณ์
ในหนังสือลาออกของด.ต.ยุทธพล ได้ระบุอย่างชัดเจนถึงเหตุผลหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจยุติการเป็นตำรวจว่า:
ตลอด 25 ปีในเครื่องแบบ เขาได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ สร้างผลงานนับไม่ถ้วน มีส่วนร่วมในคดีสำคัญ และได้รับรางวัลทรงเกียรติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลายครั้ง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ระบบราชการ กลไกในองค์กร และกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ กลับเป็นข้อจำกัดในการทำงาน โดยเฉพาะในกรณีที่เขาต้องการช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนจากปัญหายาเสพติด หรือผู้เสียหายในคดีต่าง ๆ
ความสามารถและประสบการณ์ของเขาไม่สามารถนำมาใช้ช่วยเหลือประชาชนได้เต็มที่ เพราะถูกกฎหมายและระเบียบควบคุม จนเขาไม่อยากให้ชาวบ้านต้องคาดหวังจากเขา ทั้งที่เขา "อยากช่วยแต่ระบบไม่ให้ช่วย"
“ระบบมันไม่โอเคสำหรับข้าฯ ข้าฯ จึงขอยุติบทบาทหน้าที่อาชีพนี้ลง… แต่ข้าฯ ยังรักอาชีพนี้ ยังคงคิดดีต่ออาชีพนี้ และเพื่อนตำรวจทุกคน”
มุมมองต่ออาชีพและองค์กร – ยังศรัทธาแต่ไม่ยอมจำนน
แม้จะเลือกลาออก แต่จอนนี่มือปราบยังคง แสดงความเคารพต่ออาชีพตำรวจและเพื่อนร่วมงาน เขายืนยันว่าอาชีพตำรวจยังคงเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ แต่สิ่งที่ทำให้เขาทนไม่ไหวคือ "ระบบที่แย่" และเมื่อเห็นว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงสิ่งเหล่านี้ได้จากภายใน เขาจึงตัดสินใจออกมา เพื่อจะสามารถ ส่งเสียง และ ช่วยเหลือประชาชน ได้อย่างอิสระ
ข้อความทิ้งท้ายจากเขาในหนังสือลาออก สะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อองค์กรว่า:
“หากวันหนึ่งตัวข้าฯ ได้มีโอกาสมาสนับสนุนกิจการงานขององค์กรตำรวจได้ หรือเป็นกระบอกเสียงให้กับเพื่อนตำรวจน้ำดีที่ถูกรังแกต่อระบบแย่ ๆ ข้าฯ พอช่วยได้ ข้าฯ พร้อมยินดี…”
ก้าวต่อไป: “เวอร์ชั่นใหม่” ของจอนนี่ ที่ไม่เกรงกลัวใคร
แม้จะไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบอีกต่อไป แต่จอนนี่มือปราบยืนยันว่าเส้นทางการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของเขายังไม่สิ้นสุด กลับกัน มันเพิ่งจะเริ่มต้นใน เวอร์ชั่นใหม่ ที่เขาบอกว่า “ไม่เกรงกลัวใคร”
เขาประกาศว่าจะลุยเต็มที่เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับ “ชาวบ้านตาดำ ๆ” และต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในสังคม โดยไม่ต้องถูกผูกมัดด้วยข้อจำกัดของกฎหมายและระบบราชการเหมือนในอดีต นี่คืออีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่น่าจับตามองของบุคคลที่ประชาชนจำนวนมากให้ความเชื่อมั่น
เสียงสะท้อนจากประชาชน – เคารพและส่งกำลังใจ
ทันทีที่โพสต์ลาออกถูกเผยแพร่ออกไป โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยข้อความให้กำลังใจจากประชาชนที่เคยรู้จักและติดตามจอนนี่มือปราบ บางคนยืนยันว่าเขาเป็น “ตำรวจในอุดมคติ” ที่ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง หลายคนกล่าวขอบคุณที่เขาเคยช่วยเหลือชุมชน และอีกจำนวนมากยืนยันว่าจะติดตามและสนับสนุนเขาในเส้นทางใหม่
บทเรียนจากการลาออกครั้งนี้
การตัดสินใจของจอนนี่มือปราบไม่ได้เพียงเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็น สัญญาณเตือนถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง ของระบบราชการไทย โดยเฉพาะในวงการตำรวจ ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลงานระดับประเทศยังรู้สึกว่า “ระบบมันไม่โอเค”
นี่อาจเป็นเวลาที่องค์กรจะต้องหันกลับมาทบทวนกลไกในการปฏิบัติงาน ปรับปรุงระบบให้เอื้อต่อผู้มีอุดมการณ์ มีความสามารถ และต้องการทำดีให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ก่อนที่บุคลากรดี ๆ จะ “ยอมถอดเครื่องแบบ” เพราะทนระบบที่ขัดกับจิตวิญญาณการรับใช้ประชาชนไม่ไหว





















