สั่งปิดด่านจากแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนกัมพูชาที่เดินทางมาเรียนในไทย
สืบเนื่องจากแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ลงนามในคำสั่งแม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องการอนุมัติปิดจุดผ่อนปรนการค้าขายช่อง สายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และกำหนดมาตรการควบคุมการผ่านแดน บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์, จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ และจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์...
โดยมีมาตรการดังนี้ 1 งดการเข้าออกของยานพาหนะทุกประเภท
2 งดการเดินทางเข้าออกของประชาชน การค้าขายทุกประเภทนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
อย่างไรก็ตามตามข้อ 1 และข้อ 2 นั้น ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ก็อนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรมตามความเหมาะสม เช่นการรักษาพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน
ด้านการศึกษาของนักเรียนในพื้นที่ การซื้อขายผักผลไม้เครื่องอุปโภคบริโภคตามความเหมาะสม จำเป็น
อย่างไรก็ตามการปิดด่างของแม่ทัพภาคที่ 2 ในครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อ เด็กนักเรียนกัมพูชาที่เดินทางเข้ามาเรียนยังประเทศไทยเนื่องจากมีการผ่อนปรนให้เด็กนักเรียนเหล่านี้เข้ามาเรียนที่ไทยได้เป็นปกติ และส่วนกรณีของผู้ป่วยฉุกเฉินก็อนุญาตให้เข้ามารักษาฝั่งไทยได้...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินนี้นานๆจะเกิดขึ้นครั้ง
มาตรการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และแนวทางการดำเนินงานของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ที่พิจารณาดำเนินการให้สอดรับกับสถานการณ์ความมั่นคง โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ยังคงมีท่าทีตึงเครียดทั้งในด้านการเมือง ด้านการทูต และด้านการทหาร
นอกจากนี้ การยกระดับมาตรการดังกล่าวยังส่งผลดีในการตอบโต้การดำเนินการของขบวนการ Call Center และ Hybrid Scam ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยเป็นวงกว้างมาอย่างต่อเนื่อง
















