ทหารไทยเคลื่อนไหว! หลังนักท่องเที่ยวเขมรร้องเพลงบน “ปราสาทตาควาย” ฝ่าฝืนข้อตกลง
ทบ. เข้าชี้แจงนักท่องเที่ยวเขมรกรณีร่วมร้องเพลงบนปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ — ขอให้งดกิจกรรมสื่อสัญลักษณ์ ยึดข้อตกลงสองประเทศ
เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง เมื่อกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาประมาณ 30 คน เดินทางเข้ามายังพื้นที่ “ปราสาทตาควาย” อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และได้จัดกิจกรรมถ่ายวิดีโอและร่วมกันร้องเพลงในบริเวณปราสาท ซึ่งแม้จะดูเหมือนกิจกรรมการท่องเที่ยวทั่วไป แต่สำหรับบริบทของพื้นที่นี้ที่อยู่ใกล้เขตแดนและมีความละเอียดอ่อนในด้านประวัติศาสตร์และอธิปไตย ย่อมสร้างความกังวลให้กับทางการไทยและประชาชนในพื้นที่ไม่น้อย
เหตุการณ์นี้ได้รับการรายงานต่อกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) โดยตรงจาก กองกำลังสุรนารี ผ่านหน่วย กองร้อยทหารพรานที่ 2602 ซึ่งประจำอยู่ในพื้นที่ใกล้ปราสาทตาควาย
📌 ปราสาทตาควาย – พื้นที่อ่อนไหวทางการเมืองและวัฒนธรรม
ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนของจังหวัดสุรินทร์ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มปราสาทหินสำคัญของภาคอีสานที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับอารยธรรมเขมรในอดีต ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายฝ่ายในประเทศกัมพูชาให้ความสำคัญกับโบราณสถานแห่งนี้อย่างมาก และบ่อยครั้งที่ประเด็นเกี่ยวกับ “พื้นที่ประวัติศาสตร์ร่วม” กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจนถึงขั้นเป็นข้อพิพาทระหว่างสองประเทศ
แม้ว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะมีข้อตกลงร่วมกันเรื่องการดูแลและเปิดให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าเยี่ยมชมพื้นที่ได้ โดยเฉพาะในบริเวณ “พื้นที่รอยต่อชายแดน” แต่ก็มีเงื่อนไขชัดเจนว่าห้ามใช้พื้นที่นี้เป็นเวทีในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือแสดงเจตนาใดที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดทางการเมืองหรือสังคม
🪖 ทหารไทยลงพื้นที่ระงับเหตุอย่างสุภาพ และย้ำจุดยืนด้วยเหตุผล
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารไทยได้รับรายงานว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามายังปราสาทตาควาย และมีการบันทึกภาพ รวมถึงร้องเพลงในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งอาจเข้าข่ายการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศ
พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่เข้าสังเกตการณ์และดำเนินการอย่าง "สุภาพและเหมาะสม" โดยไม่มีการใช้ความรุนแรง หรือแสดงออกในลักษณะเผชิญหน้าแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ได้เข้าเจรจากับนักท่องเที่ยวกัมพูชาเพื่อ อธิบายถึงข้อจำกัดและข้อตกลงร่วม ที่ทั้งสองประเทศยึดถือกันมายาวนาน โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “พื้นที่โบราณสถานในเขตชายแดน” ไม่ควรถูกใช้เป็นเวทีในการสื่อสารสัญลักษณ์ทางการเมือง หรือวัฒนธรรมที่อาจตีความได้หลายทาง
🕊️ นักท่องเที่ยวกัมพูชาเข้าใจและยุติกิจกรรมโดยสมัครใจ
จากการพูดคุยที่เป็นมิตรและมีเหตุผล นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาได้แสดงความเข้าใจและ ยุติกิจกรรมต่าง ๆ โดยสมัครใจ ใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ราว 20 นาทีเท่านั้น ก่อนเดินทางกลับออกจากบริเวณปราสาทโดยไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
เหตุการณ์นี้นับว่าเป็นแบบอย่างของการจัดการปัญหาในพื้นที่ชายแดนอย่างมีวุฒิภาวะ โดยสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี
📃 ข้อตกลงร่วมไทย-กัมพูชา: หลักการสำคัญที่ต้องยึดถือ
พล.ต.วินธัยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตามข้อตกลงร่วมระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชา ได้มีการกำหนดแนวทางการดูแลพื้นที่ปราสาทตาควายไว้อย่างชัดเจนว่า
“สามารถจัดเจ้าหน้าที่ทหารที่ไม่พกพาอาวุธเข้าไปอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนของทั้งสองฝ่าย ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่โบราณสถานได้ แต่ต้องไม่มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
ข้อตกลงนี้ได้รับการปฏิบัติตามมาโดยตลอด และช่วยลดแรงกดดันในพื้นที่ชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🧭 บทเรียนสำคัญและแนวโน้มในอนาคต
เหตุการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการ เข้าใจในบริบททางการเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน
แม้ว่าการท่องเที่ยวจะเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความเข้าใจและสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่ เมื่อมีการใช้พื้นที่ทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทตาควายเป็นสื่อกลางในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ก็อาจกระทบความรู้สึกของอีกฝ่ายได้
ดังนั้นการกำหนดแนวปฏิบัติร่วมกัน และการมีเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศประจำการเพื่อดูแลความเรียบร้อยจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้บานปลายไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น
🇹🇭🤝🇰🇭 ความร่วมมือที่ต้องรักษาไว้
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ถือเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทและอดีตร่วมกันอย่างลึกซึ้ง การให้ความเคารพซึ่งกันและกัน และยึดหลักเจรจาเป็นหัวใจสำคัญของความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาค
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แม้จะเล็กน้อยในระดับรูปธรรม แต่ในเชิงสัญลักษณ์ถือเป็นบททดสอบของ “มิตรภาพและความอดทนระหว่างประเทศ” ได้เป็นอย่างดี และน่ายินดีที่ฝ่ายทหารไทยสามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม สงบ และเกิดผลในทางบวก
กรณีคณะนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่ร่วมกันร้องเพลงและบันทึกวิดีโอบริเวณปราสาทตาควาย ได้รับการจัดการโดยทหารไทยด้วยความสุภาพและเป็นมิตร พร้อมการสื่อสารที่ใช้เหตุผลชี้แจงข้อตกลงร่วมระหว่างสองประเทศ ส่งผลให้สถานการณ์คลี่คลายอย่างสงบ และเป็นตัวอย่างที่ดีของการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยแนวทางสันติ












