กัมพูชาสั่งปิดด่วน! จุดผ่อนปรน “ช่องอานม้า” ฝั่งไทยต้องปิดตาม กะทันหันไร้สัญญาณ
ปิดด่วน! จุดผ่อนปรนช่องอานม้า จ.อุบลฯ ฝั่งกัมพูชาสั่งปิดด่านกระทันหัน ทำชาวบ้านตื่นตกใจ - ทหารไทยเร่งประสานส่วนกลาง
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกและสับสนในหมู่ชาวบ้านบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างกว้างขวาง เมื่อจู่ ๆ ฝ่ายกัมพูชาประกาศปิดจุดผ่อนปรนช่องอานม้า ฝั่งตรงข้ามอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้ทางฝั่งไทยจำเป็นต้องปิดจุดผ่อนปรนตามไปด้วยแบบปัจจุบันทันด่วน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และเป็นไปตามข้อกำหนดของกองทัพ
หัวหน้าพรรคไทรวมพลังออกโรงแจงปมจุดผ่อนปรนถูกปิด
นายวสวรรธน์ ทางพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียของตนเองเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 มิ.ย. ว่า
“วันนี้จุดผ่อนปรนช่องอานม้าปิด เนื่องจากช่วงเช้าของวันนี้ทหารฝั่งกัมพูชาแถลงปิดด่านฝ่ายเดียวแบบกระทันหัน ทำให้ฝั่งเราต้องปิดไปด้วย เพราะไม่สามารถข้ามไปได้ จนกว่าจะมีแนวทางจากกองทัพและส่วนกลางอีกครั้งครับ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ตกใจและสับสนว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น”
โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ และกระตุ้นให้สื่อหลายสำนักเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
ตรวจสอบพื้นที่จริง ยืนยันฝั่งกัมพูชาปิดด่านกะทันหัน ฝั่งไทยจำเป็นต้องปิดตาม
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณจุดตรวจห้วยจันทร์แดง เขตพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรนช่องอานม้า โดยพบว่าทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ตั้งจุดสกัดและมีการประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจนว่า “วันนี้ไม่สามารถข้ามแดนได้”
สาเหตุหลักเกิดจากคำสั่งปิดด่านอย่างกระทันหันจากทางการกัมพูชา ซึ่งไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม ทำให้ฝั่งไทยไม่สามารถปล่อยให้ประชาชนเดินทางข้ามแดนได้โดยลำพัง ต้องปิดด่านชั่วคราวเพื่อรอคำสั่งจากส่วนกลางตามระเบียบข้อบังคับด้านความมั่นคงและความปลอดภัย
ทหารภาค 2 สั่งคุมเข้มแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
สาเหตุที่ทางฝ่ายไทยต้องดำเนินการปิดจุดผ่อนปรนร่วมด้วยนั้น เนื่องจากมีคำสั่งอย่างเป็นทางการจากกองทัพภาคที่ 2 โดย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้ลงนามในคำสั่งควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขตรับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี อ้างอิงจากคำสั่งของกองทัพบกที่ 806/2568
เนื้อหาของคำสั่งดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมและบริหารจัดการการข้ามแดนอย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์อ่อนไหว เพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยในพื้นที่ชายแดน
ช่องอานม้าเดิมเปิดสัปดาห์ละ 2 วัน เหลือเพียง 1 วัน ตั้งแต่ 12 มิ.ย.
ก่อนหน้านี้ จุดผ่อนปรนช่องอานม้าเปิดให้บริการเฉพาะวันอังคารและวันพฤหัสบดี ระหว่างเวลา 09.00 น. ถึง 15.00 น. อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเวลาการเปิดบริการ เหลือเพียงวันเดียวต่อสัปดาห์ และในช่วงเวลาเพียงครึ่งวัน คือ 09.00 น. ถึง 12.00 น. เท่านั้น
การลดวันและเวลาเปิดบริการนี้ถือเป็นมาตรการที่แสดงถึงความระมัดระวังและความเข้มงวดที่เพิ่มมากขึ้น จากสถานการณ์บางอย่างที่ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างชัดเจนในสาธารณชน
ประชาชน-พ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบโดยตรง
จากข้อมูลในกลุ่มไลน์ของชาวบ้านพื้นที่อำเภอน้ำยืน ซึ่งมีการแจ้งเตือนสถานการณ์นี้ในช่วงเช้าของวันที่ 19 มิถุนายน เวลา 09.17 น. โดยฝ่ายความมั่นคงของอำเภอได้รายงานว่าได้รับข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ได้แก่ กองกำลังสุรนารี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้แจ้งการปิดจุดผ่อนปรนช่องอานม้าอย่างเป็นทางการ และไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปซื้อสินค้าหรือเดินทางเข้าไปยังเขตพื้นที่ตลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน การปิดจุดผ่านแดนดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อการค้าขาย การแลกเปลี่ยนสินค้า และเศรษฐกิจของชุมชนชายแดนทันที
เสียงสะท้อนจากชุมชนในพื้นที่
ประชาชนจำนวนมากที่อยู่บริเวณอำเภอน้ำยืนได้ให้ข้อมูลตรงกันว่า รู้สึกตกใจและไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการปิดจุดผ่อนปรนครั้งนี้ บางรายกล่าวว่าเพียงเตรียมตัวจะข้ามไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่พอมาถึงก็ถูกแจ้งว่าฝั่งกัมพูชาปิดด่านแล้ว
“เรามาซื้อของเหมือนทุกวันอังคารกับพฤหัส แต่วันนี้โดนกันหมดเลย บอกว่าเขาปิดฝั่งโน้น เราก็ไม่รู้ทำไม เพราะไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเลย” — ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว
ความเคลื่อนไหวต่อไป
แม้ขณะนี้สถานการณ์จะยังคงไม่แน่นอน แต่ทางกองกำลังสุรนารี และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ได้เร่งประสานกับทางการกัมพูชาและรอคำสั่งจากส่วนกลาง เพื่อกำหนดแนวทางในการเปิด-ปิดจุดผ่อนปรนให้มีความชัดเจนและปลอดภัยในอนาคต
สิ่งที่ต้องจับตามองต่อไปคือ เหตุผลที่แท้จริงของฝั่งกัมพูชาในการปิดจุดผ่อนปรนอย่างเร่งด่วนนี้ และการประสานงานระหว่างสองประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนที่ใช้ชีวิตและดำรงชีพอยู่ในพื้นที่ชายแดน
เหตุการณ์ปิดจุดผ่อนปรนช่องอานม้าในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสับสนให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการมีระบบการแจ้งเตือนและประสานงานที่มีประสิทธิภาพระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจบานปลายและกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระดับท้องถิ่นและชาติ












