เดือด! “หลวงตาสุจ” ประกาศไม่ขอกลับไทย ขออยู่กัมพูชาตลอดชีวิต
ดราม่าเดือด "หลวงตาสุจ" ไลฟ์สดพาดพิงชาวสุรินทร์ สนับสนุนทหารกัมพูชา สังคมเดือดลั่น! ผิดสมณเพศหรือไม่?
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อพระนักเทศน์สายฮาชื่อดังจากภาคอีสาน "พระมหา นรินธร ปสนฺโน" หรือที่ชาวเน็ตหลายคนรู้จักในนาม "หลวงตาสุจ" วัย 60 ปี ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พูดพาดพิงแรงถึงชาวจังหวัดสุรินทร์ พร้อมแสดงจุดยืนที่สร้างความตกตะลึง ด้วยการประกาศสนับสนุนทหารกัมพูชา ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์
แต่สิ่งที่จุดชนวนให้เกิดไฟดราม่ารุนแรงก็คือ ถ้อยคำที่หลวงตาสุจกล่าวออกมาผ่านไลฟ์ ซึ่งมีเนื้อหาที่สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องชาวจังหวัดสุรินทร์ที่รู้สึกว่าถูกดูหมิ่น ดูแคลน และเหยียดหยามในฐานะคนไทยด้วยกันเอง
ถ้อยคำรุนแรง จุดชนวนความเดือด
ในไลฟ์สดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลวงตาสุจได้กล่าวเป็นภาษาเขมร พร้อมถ้อยคำในภาษาไทยที่มีเนื้อหาดังนี้:
"อาตมาไม่ใช่คนสุรินทร์ เกลียดพวกคนสุรินทร์มาก เขมรยิงเลย ยิงให้พวกสุรินทร์เละไปหมด กัมพูชายิงไปเลย ยิ่งพวกสุรินทร์เละให้หมด พวกจังหวัดสุรินทร์ตายหมดอาตมาสบายใจ... อาตมาไม่ชอบนิสัยของพวกชาติตระกูลชาวสุรินทร์ ตาย ๆ ให้หมดก็ดี เพราะอาตมาไม่ใช่คนสุรินทร์ อาตมาเป็นคนบุรีรัมย์"
ถ้อยคำนี้เองที่กลายเป็นชนวนจุดไฟในโลกโซเชียล และแม้หลวงตาสุจจะยืนยันในไลฟ์ว่าตนมีสิทธิแสดงความเห็นตามที่รู้สึก แต่สังคมกลับตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในฐานะพระสงฆ์ ซึ่งตามหลักพระธรรมวินัยแล้ว ต้องวางตนเป็นกลาง ไม่แบ่งแยกชนชั้น เชื้อชาติ หรือภูมิลำเนา
ชาวเน็ต-ชาวสุรินทร์ลุกฮือ! เพจ “ชุมชนคนสุรินทร์” แฉไลฟ์ฉบับเต็ม
หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง "ชุมชนคนสุรินทร์" ซึ่งเป็นศูนย์รวมของคนสุรินทร์ทั่วประเทศ ได้ออกมาแสดงจุดยืนตอบโต้ พร้อมโพสต์คลิปเสียงจากไลฟ์ฉบับเต็ม พร้อมข้อความระบุว่า:
"คำพูดของหลวงตาสุจ ไม่เพียงเป็นการเหยียดหยามชาวสุรินทร์ แต่ยังเข้าข่ายปลุกระดมความเกลียดชังต่อชาติพันธุ์เดียวกัน คนสุรินทร์ก็คือคนไทย ทำไมพระสงฆ์ต้องพูดแบบนี้? "
ในโพสต์ยังมีการแปลคำพูดของหลวงตาสุจเพิ่มเติม ซึ่งตอนหนึ่งกล่าวว่า:
"อาตมาไม่อยากกลับประเทศไทย อาตมาจะอยู่ที่กัมพูชา ขอความกรุณารัฐบาลกัมพูชาอย่าจับอาตมาส่งกลับประเทศไทย ถ้าจะส่ง อาตมาขอผูกคอตาย ขอคุยในแผ่นดินกัมพูชา"
สังคมตั้งคำถาม: ผิดกฎหมาย-ผิดสมณเพศหรือไม่?
จากกรณีนี้ มีประชาชนจำนวนมากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายสงฆ์และภาครัฐตรวจสอบพฤติกรรมของหลวงตาสุจ ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่ว่าจะในแง่ของความมั่นคงของชาติ หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นต่อไปนี้:
1. พฤติกรรมเข้าข่ายปลุกระดมเกลียดชัง – การใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อกลุ่มประชาชนเฉพาะถิ่น อาจเข้าข่าย "การปลุกปั่นยั่วยุให้เกิดความแตกแยก" ซึ่งขัดต่อหลักความมั่นคงของชาติ
2. ฝ่าฝืนพระธรรมวินัย – พระสงฆ์ไม่ควรกล่าววาจาหยาบคาย หรือสร้างความแตกแยกทางความคิด ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกพิจารณาอาบัติปาราชิก หรือการต้องสึก
3. ละเมิดสิทธิชาวบ้าน – หลายคนมองว่าคำพูดของหลวงตาสุจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ด้วยการกล่าวหาว่าคนสุรินทร์ "ควรตายให้หมด" ถือเป็นวาทกรรมที่รุนแรงเกินกว่าที่คนในศาสนาจะยอมรับได้
อดีตเคยมีชื่อเสียง แต่คำพูดทำลายความน่าเชื่อถือ?
หลวงตาสุจ หรือ พระมหานรินธร เคยเป็นที่รู้จักในแวดวงโซเชียลในฐานะพระนักเทศน์สายฮา สร้างเสียงหัวเราะด้วยวิธีเทศน์แนวใหม่ มีลีลาการพูดที่สนุกสนานและแทรกธรรมะในภาษาชาวบ้าน จนมีผู้ติดตามนับแสนคนบนเฟซบุ๊ก
แต่พฤติกรรมครั้งนี้ได้ทำลายภาพลักษณ์ดังกล่าวลงไปอย่างรุนแรง หลายคนรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะคนสุรินทร์ที่เคยเคารพนับถือหลวงตา ต่างพากันเลิกติดตามและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการขั้นเด็ดขาด
ความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐ และปฏิกิริยาของชาวกัมพูชา
ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยอยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และอาจพิจารณาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ว่าด้วยการยุยงปลุกปั่น รวมถึง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากการไลฟ์สดดังกล่าวเข้าข่าย "เผยแพร่ข้อมูลอันบิดเบือนและก่อให้เกิดความไม่สงบ"
ส่วนด้านประเทศกัมพูชา ยังไม่มีท่าทีอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการอยู่ในแดนเขมรของหลวงตาสุจ เพียงแต่มีรายงานจากแหล่งข่าวท้องถิ่นว่าเจ้าหน้าที่อาจเรียกตัวไปสอบถาม หากพบว่ามีการกระทำใดที่ขัดต่อกฎหมายหรือสร้างความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน
เสียงสะท้อนจากชาวเน็ต: “นี่หรือสมณะผู้สงบ?”
กระแสในโซเชียลมีเดียยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยชาวเน็ตจำนวนมากได้ออกมาแสดงความเห็นว่า:
“พระสงฆ์พูดคำแบบนี้ได้ยังไง? เป็นพระแท้หรือไม่?”
“ประเทศชาติจะสงบไม่ได้ ถ้ายังมีพระที่ไม่วางตนเป็นกลาง”
“อย่าปล่อยให้คำพูดของพระคนหนึ่งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและประชาชน!”
ความหวังอยู่ที่หน่วยงานรัฐและมหาเถรสมาคม
ในตอนนี้ สิ่งที่สังคมกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดคือ ท่าทีของ มหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดของพระสงฆ์ในประเทศไทย ว่าจะออกมาแสดงจุดยืนหรือมีมาตรการต่อหลวงตาสุจหรือไม่ เช่นเดียวกับหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ต้องประเมินว่า คำพูดดังกล่าวเข้าข่ายคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศหรือไม่
กรณีนี้ไม่ใช่เพียงประเด็นเฉพาะของพระรูปหนึ่ง หากแต่เป็นเรื่องของศีลธรรม ศรัทธา และความมั่นคงของชาติที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญ













