ถึงขั้นคุกตลอดชีวิต! “ทนายเดชา” ชี้ชัด ม.120 หากร่วมมือกับต่างชาติทำลายไทย
“ทนายเดชา” ชี้ชัด! มาตรา 120 โทษหนัก “คุกตลอดชีวิต” หากคบคิดกับต่างชาติทำลายรัฐไทย – ย้ำ ปชช.ต้องรู้เท่าทัน อย่าหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือน
วันที่ 19 มิถุนายน 2568 – โลกโซเชียลร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” นักกฎหมายชื่อดัง ผู้ก่อตั้งเพจ “ทนายคลายทุกข์” ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมอธิบายถึงบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 120 ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำใด ๆ ที่มีลักษณะเป็นการคบคิดกับต่างชาติ เพื่อทำลายความมั่นคงของรัฐไทย โดยมีโทษร้ายแรงถึงขั้น “จำคุกตลอดชีวิต”
ในโพสต์ดังกล่าว ทนายเดชาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ที่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมอธิบายรายละเอียดของตัวบทกฎหมาย รวมถึงวิเคราะห์เจตนารมณ์ของกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใจสาระสำคัญ และตระหนักถึงผลร้ายของการกระทำที่เข้าข่ายเป็นปรปักษ์ต่อความมั่นคงของประเทศชาติ
ข้อความจากโพสต์ของทนายเดชา ระบุว่า
“ปอ.อาญา มาตรา 120 ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการรบ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต”
ถอดรหัสมาตรา 120: กฎหมายที่ปกป้องอธิปไตยไทย
สำหรับประชาชนทั่วไปที่อาจไม่คุ้นเคยกับถ้อยคำทางกฎหมาย มาตรา 120 ของประมวลกฎหมายอาญานั้น ถือเป็นหนึ่งในบทบัญญัติที่อยู่ในหมวด “ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอก” ซึ่งครอบคลุมถึงการกระทำใด ๆ ที่มีแนวโน้มเป็นภัยต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับการร่วมมือหรือคบคิดกับต่างชาติในการทำลายความสงบเรียบร้อยหรืออธิปไตยของไทย
ประเด็นสำคัญของมาตรา 120 มีอยู่ 2 ส่วนหลัก ได้แก่
1. การคบคิดกับบุคคลที่กระทำเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ
นั่นหมายถึงการร่วมมือ หรือวางแผนกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่ดำเนินการภายใต้ผลประโยชน์ของต่างชาติ
2. มีเจตนาเพื่อก่อให้เกิดการรบ หรือการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐไทย
ซึ่งครอบคลุมถึงทั้งการใช้กำลังอาวุธ การปลุกระดม ความรุนแรงทางความคิด หรือวิธีอื่น ๆ ที่อาจเป็นภัยต่ออธิปไตย ความมั่นคง และเสถียรภาพของประเทศ
โทษสูงสุด: จำคุกตลอดชีวิต
ทนายเดชาอธิบายเพิ่มเติมว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายข้อนี้ คือการป้องกันไม่ให้มี “ขบวนการแทรกแซงจากภายนอก” เข้ามาเป็นเครื่องมือในการบ่อนทำลายความมั่นคงภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม โดยเฉพาะในยุคที่โลกออนไลน์เปิดกว้างจนยากต่อการควบคุมข้อมูล การบิดเบือนข้อเท็จจริง และการจงใจสร้างความสับสนให้เกิดในหมู่ประชาชน
“ความผิดตามมาตรา 120 มีโทษร้ายแรงที่สุด คือ จำคุกตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่จำคุก 5-10 ปีธรรมดา เพราะถือว่าเป็นภัยร้ายแรงระดับชาติ” – ทนายเดชา กล่าวในไลฟ์สดผ่านเพจ
ตัวอย่างสถานการณ์ที่อาจเข้าข่ายผิดมาตรา 120
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ทนายเดชาได้ยกตัวอย่างพฤติกรรมบางประเภทที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามมาตรา 120 ได้แก่:
การให้ข้อมูลลับของรัฐแก่ต่างชาติ เช่น แผนที่ทางการทหารหรือฐานทัพ
การสนับสนุนกลุ่มที่มีเป้าหมายโค่นล้มรัฐบาลไทย โดยได้รับเงินทุนหรือคำสั่งจากต่างชาติ
การเผยแพร่ข่าวปลอม หรือสร้างกระแสบิดเบือน ที่มุ่งหมายทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก
การลอบเข้าประเทศโดยมีเป้าหมายเพื่อก่อวินาศกรรม ร่วมมือกับองค์กรต่างชาติที่มีเจตนาเป็นปรปักษ์ต่อไทย
แม้ในบางกรณีอาจดูเหมือนเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ แต่หากมีหลักฐานว่าเบื้องหลังได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ และมีเจตนาเป็นภัยต่อความมั่นคง ก็สามารถถูกดำเนินคดีภายใต้บทบัญญัตินี้ได้ทันที
“อย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ - ประชาชนต้องรู้เท่าทัน”
ในตอนท้ายของโพสต์ ทนายเดชาเน้นย้ำถึงบทบาทของประชาชนในฐานะ “ผู้รับสาร” ที่ควรมีวิจารณญาณและตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์หรือเชื่อสิ่งใด โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน หรือการชักจูงจากบุคคลที่มีเป้าหมายแอบแฝง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย และรวดเร็ว
“คนไทยทุกคนต้องรู้เท่าทันการเมือง รู้เท่าทันเกมโซเชียล อย่าให้ใครมาหลอกใช้ โดยเฉพาะพวกที่แฝงตัวมาทำลายชาติแล้วอ้างว่าเพื่อประชาธิปไตย”
ข้อเสนอแนะของทนายเดชา: เพิ่มความเข้มแข็งให้กระบวนการยุติธรรม
นอกจากการเผยแพร่ข้อมูลทางกฎหมายแล้ว ทนายเดชายังเสนอแนวทางเพื่อป้องกันการกระทำผิดตามมาตรา 120 ซึ่งรวมถึง:
1. ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เข้าใจกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
ไม่ให้ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
2. เพิ่มความเข้มข้นของการตรวจสอบเครือข่ายที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยร่วมมือกับต่างชาติ
โดยใช้เทคโนโลยีและความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน
3. ให้ความรู้ผ่านสื่อกระแสหลักและโซเชียลมีเดีย
เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกพลเมืองที่ดี และให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันทางความคิด
สรุป: กฎหมายไทยปกป้องชาติอย่างเด็ดขาด
กรณีของมาตรา 120 ถือเป็นอีกหนึ่งบทบัญญัติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐไม่ได้มาในรูปแบบการรุกรานทางทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแทรกแซงทางสื่อ ความคิด การเงิน และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในยุคที่ข้อมูลเป็นอาวุธ ประชาชนต้องฉลาดเลือกฟัง ฉลาดเลือกแชร์ และต้องตระหนักว่าการกระทำใด ๆ ที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ อาจนำไปสู่โทษสูงสุด “จำคุกตลอดชีวิต” ตามมาตรา 120 อย่างไม่มีข้อยกเว้น
หากคุณสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าการกระทำบางอย่างของตนเอง หรือผู้อื่น เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ควรปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญ หรือศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ หรือเผลอกระทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
“รักประชาธิปไตยไม่ผิด แต่หากร่วมมือกับต่างชาติเพื่อทำลายชาติ นั่นคืออาชญากรรม!” – ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์




















