รู้หรือไม่ว่า "เขมร" เคยรำรวยมั่งคั่งกว่า "ไทย" แต่มาตกต่ำเพราะ “เขมรแดง”
ก่อนอื่นมารู้จักกับ “เขมรแดง” (Khmer Rouge) ก่อนคือพวงกนี้คือ คอมมิวนิสต์สุดโต่งแห่งกัมพูชา (Communist Party of Kampuchea) ก่อตั้งขึ้นราวปี 1967 ในฐานะอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา (Khmer People’s Revolutionary Party)
ภายใต้อิทธิพลแนวคิดมาร์กซิสต์ เลนินนิสต์ และได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามเหนือในช่วงสงครามลับทางอากาศของสหรัฐฯ ในกัมพูชา
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ยุครุ่งเรืองของกัมพูชา ก่อนเขมรแดงปกครอง
ช่วงปกครองระหว่าง 17 เมษายน 1975 ถึง 7 มกราคม 1979 เขมรแดงดำเนินนโยบาย “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อ้างปราบปราม “ศัตรูชนชั้น” ทั้งขุนนาง นักปัญญาชน และชนชั้นกลาง คนเหล่านี้ถูกคุมขัง ทรมาน และประหารที่แคมป์ S-21 (Tuol Sleng) จนกลายเป็นสุสานหมู่ (Killing Fields) ทั่วประเทศ
ประชากรเสียชีวิตระหว่างระบอบเขมรแดงคาดกันระหว่าง 1.5–2 ล้านคน (ประมาณ 20–25% ของประชากรก่อนสงคราม) ทั้งจากการประหาร สภาพทำงานบังคับ ความอดอยาก และโรคระบาด
เมื่อเวียดนามบุกเข้าปฏิบัติการยึดกรุงพนมเปญในเดือน มกราคม 1979 ระบอบเขมรแดงจึงล่มสลาย ส่งให้ผู้นำและกองกำลังเหลือแต่การสู้รบกองโจรในป่าอีกหลายปี ก่อนที่แกนนำส่วนใหญ่จะถูกจับกุมและนำเข้าสู่กระบวนการศาลพิเศษ ECCC ในทศวรรษ 2000 เพื่อพิจารณาคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
เขมรแดงคือขบวนการปฏิวัติคอมมิวนิสต์สุดโต่งภายใต้การนำของโปล ป็อต ที่ปกครองกัมพูชาภายใต้ชื่อ “Democratic Kampuchea” (1975–1979) ด้วยนโยบาย “Year Zero” และ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” จนคร่าชีวิตผู้คนนับล้าน ก่อนจะพ่ายแพ้ต่อกองทัพเวียดนามและล่มสลายในที่สุด
โปล ป็อต (Pol Pot) หรือในชื่อเดิม ซาลอธ ซาร์ (Saloth Sâr)
2 อดีตผู้นำเขมรแดงโดนโทษเพิ่มข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แน่นอนว่าที่กล่าวมาข้างต้นแมื่อเขมรเจอช่วง ขบวนการปฏิวัติคอมมิวนิสต์สุดโต่ง เข้ายึดครอง ก็เป็นช่วงตกต่ำ....
มามองสถานะเศรษฐกิจก่อนสมัยเขมรแดงในกัมพูชา
– ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 กัมพูชาและไทยมีรายได้ต่อหัว ในระดับใกล้เคียงกัน โดยข้อมูลของ World Bank ระบุว่า ปี 1960 กัมพูชามี GDP ต่อหัวประมาณ 111 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ไทยอยู่ที่ประมาณ 104 ดอลลาร์สหรัฐฯ
– หลังจากนั้นประเทศไทยเติบโตได้รวดเร็วกว่าจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและการเกษตรเชิงพาณิชย์ ขณะที่กัมพูชายังอยู่ภายใต้การปกครองกึ่งกึ่งอาณานิคมของฝรั่งเศส จึงทำให้ภายในกลางทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา ไทยเริ่มมีรายได้ต่อหัวสูงกว่ากัมพูชาอย่างชัดเจน
ผลกระทบที่ตกต่ำยุคของเขมรแดง (1975–1979)
มีนโยบายทางเศรษฐกิจเชิงเผด็จการ
– เขมรแดงประกาศยกเลิกระบบตลาดและทรัพย์สินส่วนบุคคล สั่งให้คนเมืองทั้งหมดย้ายไปร่วมทำงานใน “กองโฮม” แบบบังคับ
– ระบบเกษตรกรรมถูกรวมศูนย์ มุ่งเน้นปลูกข้าวแบบอัตตาจร แต่ขาดเทคนิคและปุ๋ย จึงเกิดความอดอยากอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่
การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน
– โรงพยาบาล โรงเรียน ถนน และตลาดถูกรื้อหรือถูกละเลย ไม่ได้รับการบำรุงรักษา
– งบประมาณส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการประหารหรือทหาร จนไม่เหลือเงินลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน
การสูญเสียกำลังคนและแรงงาน
– เกือบ 2–3 ล้านคนเสียชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความอดอยาก และโรคระบาด
– แรงงานที่เหลืออยู่ยังบอบช้ำทางร่างกายและจิตใจ ก่อให้เกิด “lost generation” ที่ขาดทักษะในการฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจ
มาดูสถิติทางเศรษฐกิจหลังเขมรแดง
– แม้ตัวเลข GDP ต่อหัวอาจดูไม่ดิ่งลง มาก (เพราะประชากรลดลงด้วย) แต่โครงสร้างเศรษฐกิจแทบถูกทำลายจนไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มที่ จนถึงปี 1980 กัมพูชายังไม่ฟื้นตัวและรายได้ต่อหัวอยู่น้อยกว่า 120 ดอลลาร์สหรัฐฯ
กัมพูชาเคยมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าไทยเล็กน้อยในต้นทศวรรษ 1960 แต่ไม่นานไทยก็แซงหน้าในช่วงกลางทศวรรษนั้นจากการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์
และความรุนแรงและนโยบายสุดโต่งของเขมรแดง (1975–1979) ทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างสิ้นเชิง สูญเสียคนมากมาย และโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายจนเศรษฐกิจไม่สามารถดำเนินต่อได้เต็มที่ในช่วงหลายปีหลังยุคเขมรแดง
ความถดถอยตกต่ำเพราะเขมรแดง นั้นคือข้อเท็จจริงเชิงนโยบายและสังคม–เศรษฐกิจ และเคยร่ำรวยกว่าไทย นั้นแค่ช่วงสั้นๆ ตอนต้นทศวรรษ 1960 เท่านั้น ไม่ใช่ภาพรวมยาวนานของศตวรรษที่ 20
อ้างอิงจาก: https://www.indexmundi.com/facts/cambodia/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?utm_source=chatgpt.com
https://www.reddit.com/r/AskHistory/comments/xw7obt/why_didnt_cambodias_gdp_fall_that_much_during_the/?utm_source=chatgpt.com
https://th.wikipedia.org/wiki/เขมรแดง
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=118712152836771&id=100315104676476&set=a.101096837931636




















