มือถือถูกฉกกลางห้าง! สาวช็อก ล่าสุดเครื่องโผล่กัมพูชา – ไม่ใช่รายแรกที่โดน
สาวร้องถูกมิจฉาชีพล้วงมือถือกลางห้างดังย่านปทุมวัน ผ่านไป 2 วันพบเครื่องโผล่ตลาดกัมพูชา ชาวเน็ตแห่แชร์ประสบการณ์โดนแบบเดียวกัน
กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ได้รับความสนใจและพูดถึงอย่างหนักบนโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้แอปพลิเคชัน X (เดิมคือ Twitter) ที่ใช้ชื่อแอคเคาท์ @tonhedcone ได้โพสต์ข้อความตามหาโทรศัพท์มือถือที่ถูกขโมยไปในขณะที่เธอไปร่วมงานอีเวนต์ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านปทุมวัน
โดยในโพสต์ดังกล่าว เธอเล่าว่า ในช่วงเวลาประมาณ 18:30-19:00 น. ขณะอยู่บริเวณโซนกลางระหว่างร้าน KFC กับ Starbucks ในแฟนคลับโซนแถวหลังสุดที่ติดกับรั้วกั้นสีแดง เธอถูกมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าและขโมยโทรศัพท์มือถือไป
เจ้าตัวได้บรรยายลักษณะของคนร้ายไว้ว่า เป็นชายใส่หมวกแก็ปสีเขียว หลังจากที่ล้วงมือถือเสร็จแล้ว คนร้ายได้รีบมุดออกนอกรั้วกั้นและเดินหนีไปทางโซนสำนักงาน (office zone) ของห้างทันที
หลังเกิดเหตุ สาวเจ้าของโพสต์ได้ดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอดูกล้องวงจรปิดภายในห้างสรรพสินค้าเพื่อติดตามตัวคนร้าย แต่กลับพบว่ากล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพใบหน้าของคนร้ายได้ชัดเจน จึงทำให้การติดตามตัวคนร้ายยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
จากความช่วยเหลือของผู้ติดตามในโลกออนไลน์ เจ้าของโทรศัพท์จึงขอความร่วมมือให้ผู้ที่ถ่ายภาพหรือคลิปในงานอีเวนต์ในวันเกิดเหตุนั้น ช่วยกันตรวจสอบภาพหรือคลิปวิดีโอว่ามีภาพคนร้ายหรือลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบันทึกไว้หรือไม่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามมือถือคืน
ความคืบหน้าล่าสุด พบมือถือโผล่ที่ตลาดในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
หลังจากผ่านไป 2 วัน เจ้าของโทรศัพท์ได้ทำการเช็กพิกัดมือถือที่ถูกขโมยไป โดยใช้ฟีเจอร์ติดตามตำแหน่ง (Find My Phone) พบว่าโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวได้ไปโผล่อยู่ที่ตลาดแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกคนร้ายนำไปขายต่อในตลาดแห่งนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตกใจให้กับทั้งเจ้าของโทรศัพท์และผู้ที่ติดตามเรื่องราวอย่างมาก เพราะเป็นการตอกย้ำว่าโทรศัพท์มือถือที่ถูกขโมยออกนอกประเทศและนำไปขายในตลาดมืดยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ แชร์ประสบการณ์ถูกโจรกรรมมือถือแล้วเครื่องโผล่กัมพูชาเหมือนกัน
หลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันอย่างมากมาย หลายคนยืนยันว่าเคยถูกล้วงมือถือหรือถูกขโมยโทรศัพท์ไปในลักษณะเดียวกัน และสุดท้ายเครื่องก็ไปโผล่ที่ตลาดในประเทศกัมพูชาเช่นเดียวกัน
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้มีกลุ่มเครือข่ายข้ามชาติที่จัดระเบียบดีและมีการนำโทรศัพท์มือถือที่ถูกขโมยออกนอกประเทศไปขายเป็นจำนวนมากในตลาดมืดประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ผู้เสียหายหลายรายไม่มีโอกาสได้โทรศัพท์คืนเลย
สถานการณ์โจรกรรมมือถือในประเทศไทยและปัญหาการลักลอบนำมือถือไปขายต่างประเทศ
ปัญหามิจฉาชีพล้วงมือถือหรือขโมยโทรศัพท์ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่แออัดนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย แต่ที่น่าตกใจคือปริมาณโทรศัพท์มือถือที่ถูกขโมยแล้วถูกลักลอบนำออกนอกประเทศไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เมียนมา และลาว มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การกระทำดังกล่าวนอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของโทรศัพท์แล้ว ยังเป็นการกระทำที่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและความปลอดภัยในภาพรวม เพราะแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้มีการจัดตั้งเครือข่ายข้ามชาติที่ซับซ้อนและยากแก่การจับกุม
ในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามเพิ่มมาตรการป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมโทรศัพท์มือถือ รวมถึงการติดตามเครือข่ายการลักลอบนำมือถือไปขายต่อต่างประเทศ แต่ก็ยังมีอุปสรรคหลายด้าน เช่น การขาดเทคโนโลยีติดตามที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือความยากลำบากในการประสานงานระหว่างประเทศ
แนวทางป้องกันตัวจากการโดนล้วงมือถือหรือขโมยโทรศัพท์
สำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องเดินทางไปในที่แออัด หรือร่วมงานอีเวนต์ต่างๆ มีข้อแนะนำเบื้องต้นเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการถูกล้วงมือถือหรือขโมยโทรศัพท์ ดังนี้
1. ระมัดระวังทรัพย์สินมีค่า: พยายามไม่พกโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าหลัง หรือในที่ที่หยิบง่าย ควรเก็บไว้ในกระเป๋าหน้าหรือในที่ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
2. ใช้สายคล้องหรือเคสมือถือแบบมีสายล็อก: เพื่อป้องกันการฉกมือถือออกจากมือได้ง่าย
3. อย่าเผลอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะหรือพื้นในที่สาธารณะ: เพราะอาจถูกหยิบไปโดยไม่รู้ตัว
4. ติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามโทรศัพท์: เช่น Find My iPhone หรือ Find My Device เพื่อให้สามารถเช็กตำแหน่งมือถือได้หากเกิดการสูญหาย
5. ตั้งรหัสผ่านและเปิดใช้งานฟีเจอร์ล็อกเครื่อง: เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในกรณีที่มือถือถูกขโมย
6. แจ้งความและแจ้งผู้ให้บริการมือถือทันที: เพื่อขอระงับการใช้งานโทรศัพท์และ SIM การ์ด เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด
เรื่องราวของสาวที่ถูกล้วงมือถือกลางห้างและพบว่าเครื่องถูกนำไปขายที่กัมพูชา กลายเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนถึงปัญหาโจรกรรมโทรศัพท์ที่ไม่ใช่แค่ในระดับประเทศ แต่ลามไปถึงข้ามชาติ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการที่ประชาชนต้องตื่นตัวและเพิ่มความระมัดระวัง รวมถึงการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหามาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อช่วยลดปัญหาการโจรกรรมโทรศัพท์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง
สุดท้าย หากใครที่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน อย่าลืมแชร์ประสบการณ์และข้อมูล เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น และช่วยกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นครับ






















