เดือด! “ฮุน มานี” นำมวลชนกัมพูชานับแสน เดินขบวนหนุนรัฐบาล ทวงคืนชายแดน
ชาวกัมพูชานับแสนร่วมเดินขบวน "Solidarity March" สนับสนุนรัฐบาล-กองทัพ ท่ามกลางพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลฮุน มาเนต ปฏิเสธจัดฉากเผชิญหน้า
สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาเป็นที่จับตาของทั้งสองประเทศอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อกัมพูชา Khmer Times รายงานว่า ประชาชนชาวกัมพูชาประมาณ 150,000 คน ได้ออกมาเดินขบวนครั้งใหญ่ในชื่อว่า "Solidarity March" หรือขบวนแสดงพลังสามัคคี เพื่อสนับสนุนรัฐบาลและกองกำลังแนวหน้าของประเทศ ในช่วงเวลาที่สถานการณ์บริเวณชายแดนยังคงเปราะบางและมีความไม่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง
การเดินขบวนในครั้งนี้จัดขึ้นโดย สหภาพสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา (UYFC) ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในองค์กรเยาวชนที่มีบทบาทสำคัญทางการเมืองในกัมพูชา โดยมีการนัดหมายให้ประชาชนรวมตัวกันบริเวณด้านหน้าโรงละครโคพิช ใจกลางกรุงพนมเปญ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนผ่านเขตดวนเปญ, จัมการ์ โมน และเมืองเกงกาง ไปสิ้นสุดที่ อนุสาวรีย์เอกราช อันเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกัมพูชา
ผู้ที่รับบทบาทเป็นแกนนำหลักในการเดินขบวนครั้งนี้ คือ รองนายกรัฐมนตรี ฮุน มานี บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุน เซน และประธานสหภาพสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้นำคนสำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ขบวนเดินแสดงพลัง: มากกว่าแค่การสนับสนุน
ฮุน มานี ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า การรวมตัวกันของประชาชนในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อรัฐบาลและกองทัพเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ "จิตวิญญาณแห่งความสามัคคี" ที่จะไม่ยอมให้กัมพูชาต้องเผชิญหน้ากับการดูหมิ่นหรือคุกคามจากภายนอกโดยไม่ตอบโต้
“นี่ไม่ใช่แค่การเดินขบวน แต่คือการแสดงออกถึงจิตวิญญาณของประชาชน เมื่อกัมพูชาถูกคุกคาม เราจะไม่นิ่งเฉยหากเกียรติยศและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราถูกละเมิด” – ฮุน มานี
คำกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของอารมณ์ร่วมในชาติ ซึ่งถูกจุดประกายขึ้นจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งยังคงไม่มีท่าทีจะคลี่คลายลงในเร็ววัน
นายกฯ ฮุน มาเนต ปฏิเสธข่าวลือ: “ไม่มีการจัดฉาก”
ขณะที่ขบวนเดินแสดงพลังดำเนินไป รัฐบาลกัมพูชาก็เผชิญกับเสียงวิจารณ์จากบางฝ่ายที่มองว่า เหตุการณ์ทั้งหมดอาจเป็น "การจัดฉาก" ระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทย โดยอ้างว่า การเผชิญหน้าที่ชายแดนเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นภายในประเทศ
แต่ นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างชัดเจน พร้อมยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีมูลความจริง และสถานการณ์บริเวณชายแดนยังคงตึงเครียด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่กองทัพไทยมีการเสริมกำลังและเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง
“บางคนโพสต์บนเฟซบุ๊กว่ากัมพูชากำลังจัดฉากเผชิญหน้ากับไทย และปิดด่านชายแดนเป็นเพียงแผนร่วมกันของรัฐบาลทั้งสอง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย” – ฮุน มาเนต กล่าวในการประชุมลูกเสือกัมพูชา
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เขารู้สึกท้อแท้กับข้อกล่าวหาดังกล่าว เพราะไม่เพียงแต่เป็นการดูแคลนรัฐบาล หากยังเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนที่ร่วมเดินขบวนด้วยความบริสุทธิ์ใจ
การเมืองภายในชาติ: รวมพลังข้ามพรรคเพื่อชาติ
ในขณะที่สถานการณ์ชายแดนยังไม่แน่นอน ฮุน มาเนต ได้เน้นย้ำในที่ประชุมใหญ่วิสามัญของคณะลูกเสือกัมพูชาว่า ประชาชนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคการเมืองใด ควรยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และสนับสนุนรัฐบาลในการบริหารจัดการวิกฤตนี้ โดยเฉพาะในการเตรียมความพร้อมสำหรับการยื่นเรื่องต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
เขายังระบุว่า เอกสารทางกฎหมายบางส่วนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในเวลานี้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนทางการทูตและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ
พิพาทที่ยังไม่จบ: ชายแดนไทย-กัมพูชา กับประวัติศาสตร์ที่ฝังรากลึก
ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ เขาพระวิหาร ซึ่งเคยเป็นประเด็นที่ยื่นฟ้องร้องถึงศาลโลกมาแล้วในอดีต
แม้ในปัจจุบันการฟ้องร้องไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเขาพระวิหาร แต่บริเวณชายแดนยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวสูง มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน และโครงสร้างพื้นฐานทางทหารที่ถูกสร้างขึ้นในเขตที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์
ความไม่ลงรอยทางประวัติศาสตร์ ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองในทั้งสองประเทศ ยิ่งทำให้ปัญหานี้ยืดเยื้อและเปราะบางยิ่งขึ้น
ประชาชนกับบทบาททางการเมือง: การเคลื่อนไหวที่สะท้อนพลังประชาธิปไตย
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจจากเหตุการณ์นี้คือ บทบาทของประชาชนกัมพูชาในการเคลื่อนไหวทางการเมือง การที่มีผู้คนจำนวนมากถึง 150,000 คน ออกมาเดินขบวนสนับสนุนรัฐบาล เป็นภาพสะท้อนถึงระดับความตื่นตัวทางการเมืองและจิตสำนึกของประชาชนต่อเรื่องของอธิปไตยและศักดิ์ศรีของชาติ
แม้ว่าจะมีข้อวิจารณ์เกี่ยวกับความเป็นอิสระของขบวนการเยาวชน UYFC ที่จัดงาน แต่การมีส่วนร่วมของประชาชนก็ไม่อาจมองข้ามได้ และนับเป็นบทบาทหนึ่งของ “พลังประชาชน” ที่อาจมีผลต่อทิศทางของนโยบายภาครัฐในอนาคต
สรุป
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของฮุน มาเนต พยายามควบคุมสถานการณ์และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ก็ยังคงต้องเผชิญกับคำวิจารณ์และแรงกดดันจากหลายด้าน
ขบวนเดิน “Solidarity March” ของประชาชนกว่าแสนคน นับเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความเป็นหนึ่งเดียว และส่งสารไปยังทั้งโลกว่า “กัมพูชาจะไม่ยอมถอยเมื่อถูกคุกคาม” ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ยิ่งเน้นย้ำว่า เรื่องชายแดนไม่ใช่แค่เรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของ “คนทั้งชาติ”












