สลดใจ พ่อแม่ลูกอดอาหารนานนับเดือน ดื่มน้ำประทังชีวิต สุดท้ายลูกชายวัย 14 ปีเสียชีวิตภายในบ้าน
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 มิถุนายน 2568 อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจากนายยงยศกร อายุ 44 ปี ผู้อาศัยในตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ว่าบุตรชายวัย 14 ปี (ด.ช.อิท – นามสมมุ) ได้เสียชีวิตภายในบ้าน หลังจากครอบครัวอดอาหารมานานนับเดือน โดยมีเพียงน้ำประปาเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ประทังชีวิต
ภายหลังการรับแจ้ง เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยจึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด และลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านปูนสองชั้น สภาพเก่า มีวัชพืชขึ้นรกบริเวณลานบ้านและรั้ว
โดยภายในบ้านพบศพเด็กชายอิทนอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้นห้องโถงกลางบ้าน ลักษณะร่างกายซูบผอมอย่างมาก ไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันพบ นางสาวอนัญญา อายุ 45 ปี มารดาของเด็กชาย อยู่ในสภาพอิดโรย ไม่มีเรี่ยวแรง ล้มป่วยไม่สามารถลุกเดินหรือพูดได้ เช่นเดียวกับนายยงยศกร บิดา
ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสภาพอ่อนแรงเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงรีบนำผู้ป่วยทั้งสองส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน ขณะที่ร่างของเด็กชายอิทนั้น ต้องรอเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบและนำส่งเพื่อชันสูตรพลิกศพต่อไป
นายทศพลพร อายุ 45 ปี พี่ชายของนายยงยศกร ให้ข้อมูลว่า น้องชายและภรรยาไม่ได้ประกอบอาชีพมานานนับสิบปี
ภายหลังจากได้รับเงินมรดกจำนวนหนึ่งจากการขายที่ดิน ซึ่งภายหลังเริ่มมีการติดต่อมาขอความช่วยเหลือเป็นระยะ โดยล่าสุดมีการขอให้ช่วยชำระค่าไฟฟ้าที่ค้างไว้ ซึ่งตนก็ได้ให้ความช่วยเหลือเท่าที่สามารถกระทำได้ ทั้งนี้ ครอบครัวของน้องชายพักอยู่คนละที่กับตน และไม่ค่อยได้ติดต่อกันเป็นประจำ จึงไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องอาหารและสุขภาพขนาดนี้
ด้านเจ้าหน้าที่กู้ชีพเปิดเผยว่า จากการสอบถามเบื้องต้น นายยงยศกรระบุว่าทั้งครอบครัวไม่ได้รับประทานอาหารมานานเกือบหนึ่งเดือนแล้ว และมีเพียงน้ำก๊อกในบ้านที่ใช้ดื่มประทังชีวิต ซึ่งสภาพร่างกายของทุกคนในบ้านอยู่ในภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนแรง
ในขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านรายหนึ่งซึ่งพักอยู่ติดกันให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ครอบครัวนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนบ้าน และมักสั่งอาหารมารับประทานผ่านบริการเดลิเวอรี่อยู่เป็นประจำ แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาไม่มีไรเดอร์มาส่งอาหารอีกเลย อีกทั้งไม่พบสมาชิกในบ้านออกมานอกบ้าน ยกเว้นเด็กชายที่บางครั้งมานั่งที่หน้าบ้านเพียงลำพัง
เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นโศกนาฏกรรมที่สะท้อนถึงปัญหาความยากลำบากและความเงียบงันของผู้ที่อาจต้องการความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถเอ่ยปากได้ ซึ่งภาครัฐและสังคมควรหันมาใส่ใจผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงและไม่สามารถเข้าถึงระบบสวัสดิการได้อย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต






