(มีคลิป)ฮือฮาทั้งโซเชียล! 'ฮุน เซน' เผยคลิปเสียงคุย 'นายกฯอิ้งค์' – ความยาว 17.06 นาที เตรียมปล่อยเวอร์ชันเต็ม
ฮือฮา! “สมเด็จฮุน เซน” เผยบทสนทนา “แพทองธาร” ยาว 17 นาที แถมพร้อมปล่อยคลิปเต็มเพื่อความโปร่งใส
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงข้ามพรมแดน เมื่อสมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรี และประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทย เมื่อค่ำวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยการสนทนาดังกล่าวกินเวลานานถึง 17 นาที 6 วินาที พร้อมเปิดเผยรายละเอียดที่สร้างความฮือฮาในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศอย่างมาก
บันทึกเสียงเพื่อความโปร่งใส
สิ่งที่ทำให้ประเด็นนี้เป็นกระแสไปทั่วภูมิภาคอาเซียน คือการที่สมเด็จฮุน เซนยอมรับว่า มีการ บันทึกเสียงบทสนทนา ระหว่างเขากับนายกรัฐมนตรีไทยเอาไว้ โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและการบิดเบือนข้อเท็จจริง” รวมถึงเพื่อเป็นหลักฐานในเชิงความมั่นคงและความโปร่งใส ทั้งนี้ ยังย้ำว่าเป็นการปฏิบัติตามมาตรการด้านความมั่นคงภายในของกัมพูชาอย่างเคร่งครัด
โดยในการสนทนาในครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชามีล่ามร่วมอยู่ด้วยหนึ่งคน ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการแปลและตีความทางการทูตให้ถูกต้องทุกถ้อยคำ โดยสมเด็จฮุน เซนเปิดเผยอีกว่า ได้มีการแบ่งปันไฟล์เสียงการสนทนานี้กับบุคคลระดับสูงจำนวนประมาณ 80 ราย ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชา สมาชิกระดับสูงของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) และ ข้าราชการทหารในกองทัพกัมพูชา โดยเขาให้เหตุผลว่า เพื่อความเข้าใจร่วมกันและการประเมินผลเชิงยุทธศาสตร์ภายในประเทศ
ไฟล์เสียงหลุด ความยาว 9 นาที จุดกระแสใหม่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ไม่นาน ได้มีการ หลุดของคลิปเสียงบางส่วน ออกมาสู่สาธารณะ มีความยาวประมาณ 9 นาที ซึ่งทำให้ประชาชนในไทยและกัมพูชา รวมถึงนักวิเคราะห์การเมือง ต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษในเนื้อหาของบทสนทนา เนื่องจากมีประโยคที่สะท้อนถึง ความสัมพันธ์เชิงซับซ้อนระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มข้าราชการบางส่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน
ในคลิปที่หลุดออกมา มีบางประโยคที่นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยกล่าวถึงบุคคลในกองทัพว่า
“ไม่อยากให้ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้าม อย่างพวกแม่ทัพภาค 2 อย่างนี้ค่ะ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย...”
และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า
“ทางนั้นเขาอยากดูเท่ เขาอยากจะพูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ที่เราต้องการคือต้องการความสงบสุขเหมือนตอนก่อนจะปะทะกันตรงชายแดนค่ะ”
ถ้อยคำเหล่านี้ได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโซเชียลมีเดียทันที เนื่องจากมีการ พาดพิงถึงบุคคลในระดับแม่ทัพของกองทัพไทย พร้อมตั้งคำถามว่า ฝ่ายรัฐบาลมีความขัดแย้งทางแนวคิดกับทหารหรือไม่ อีกทั้งยังชวนให้ตั้งข้อสงสัยถึงระดับของความไว้เนื้อเชื่อใจในกลไกความมั่นคงภายในประเทศ
สมเด็จฮุน เซน พร้อมปล่อยคลิปเต็มหากไทยร้องขอ
จากเหตุการณ์คลิปเสียงหลุดที่ยาวเพียง 9 นาที สมเด็จฮุน เซนก็ออกมา ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า หากฝ่ายไทยต้องการความชัดเจน เขาพร้อมที่จะเปิดเผยคลิปเสียงฉบับเต็ม ความยาว 17 นาที 6 วินาที ทันที โดยกล่าวว่าเขาไม่มีเจตนาแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น และหากเนื้อหาบางส่วนก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เขายินดีแสดงความโปร่งใสต่อประชาคมระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ เขายังระบุว่า “เราจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพภายในของกัมพูชา และบทสนทนาเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน”
สะท้อนท่าทีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ในยุค “แพทองธาร”
การเปิดเผยบทสนทนาในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ ไม่ค่อยพบเห็นในวงการการเมืองระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ที่เปราะบางจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เคยเกิดความตึงเครียดในอดีตจากกรณีปราสาทพระวิหาร
ท่าทีของสมเด็จฮุน เซนในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการรักษาความมั่นคงและ วางหมากทางยุทธศาสตร์ในเวทีภูมิภาค ขณะที่ท่าทีของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ก็ดูเหมือนจะเปิดเผยความจริงใจและความพยายามในการประคับประคองความสงบสุขในพื้นที่ชายแดน ซึ่งมีความสำคัญทั้งในเชิงเศรษฐกิจและความมั่นคง
ความโปร่งใสหรือกลยุทธ์ทางการเมือง?
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า การที่สมเด็จฮุน เซนเลือกจะเปิดเผยการสนทนาระหว่างผู้นำระดับสูงอย่างโจ่งแจ้ง อาจมีนัยยะทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะไม่บ่อยนักที่การสื่อสารแบบนี้จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ อีกทั้งการแจกจ่ายเสียงให้กับคนในพรรคและกองทัพ อาจเป็นการ วางแนวทางเชิงนโยบายให้ทุกฝ่ายรับรู้และปฏิบัติตามอย่างเป็นเอกภาพ
ขณะที่ฝั่งไทยเอง ก็ยังไม่มีการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากนายกรัฐมนตรีแพทองธารเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ มีเพียงกระแสจากโซเชียลมีเดียที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง ทั้งในด้านการเมืองภายใน และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
กรณีของ “คลิปเสียงแพทองธาร-ฮุน เซน” ไม่ใช่เพียงข่าวซุบซิบทางการเมืองทั่วไป แต่เป็นประเด็นที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในเวทีการเมืองระดับอาเซียน โดยเฉพาะระหว่างไทยกับกัมพูชา การเลือกเปิดเผยความโปร่งใสในระดับสูงสุดเช่นนี้ อาจเป็นทั้งการ “วัดใจ” และการ “ส่งสัญญาณ” ให้โลกได้เห็นถึงท่าทีทางการเมืองของผู้นำทั้งสองประเทศที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์



















