หนุ่มเขมรคลอง 7 เดือด! ท้าดวลมวยไทย ลั่น “รถถัง-บัวขาวก็ไม่หวั่น”
ดราม่าระอุโซเชียล! หนุ่มกัมพูชาท้าดวล "รถถัง-บัวขาว" จุดชนวนเดือด ด้านเจ้าตัวรีบขอโทษ ยอมรับแค่สวนกลับคอมเมนต์
กลายเป็นกระแสร้อนแรงที่จุดติดอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ เมื่อชายหนุ่มชาวกัมพูชารายหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในย่านคลองเจ็ด จังหวัดปทุมธานี ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอท้าทายสุดเดือดถึง “มวยไทย” พร้อมพาดพิงถึงสองนักมวยชื่อดังระดับตำนานของไทย ได้แก่ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” และ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ด้วยถ้อยคำที่ท้าทายและยั่วยุว่า
“ใครพร้อมก็จัดมาเลย อยากลองของ!”
ข้อความดังกล่าวกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้ผู้คนในโลกออนไลน์ ทั้งชาวไทยและกัมพูชา ต่างแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากคลิปถูกเผยแพร่ คลิปดังกล่าวก็กลายเป็นไวรัลทันที โดยมีทั้งคอมเมนต์ขำขัน ประชดประชัน และคอมเมนต์ที่ออกแนวจริงจัง เตือนให้หนุ่มรายนี้ไตร่ตรองให้ดีถึงสิ่งที่กำลังท้าทายอยู่ เพราะ “มวยไทย” ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ที่ใครจะดูแคลนได้ง่าย ๆ
ความศักดิ์สิทธิ์ของมวยไทยและตำนานนักสู้ "รถถัง-บัวขาว"
หลายคนที่ได้ดูคลิปต่างมองตรงกันว่า หนุ่มกัมพูชารายนี้อาจไม่เข้าใจถึง “แก่นแท้” ของมวยไทยที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ไม่เพียงแต่เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีเทคนิคเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่มวยไทยยังแฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ ความเคารพต่อครูบาอาจารย์ และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ซึ่งทั่วโลกต่างยอมรับในความแข็งแกร่ง ความสวยงาม และประสิทธิภาพในการต่อสู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่อของ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” และ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ที่ถูกหนุ่มรายนี้เอ่ยถึงนั้น ไม่ใช่นักชกธรรมดา แต่คือยอดนักมวยไทยตัวจริงเสียงจริงที่สร้างชื่อเสียงไปไกลในระดับโลก
รถถัง จิตรเมืองนนท์ หรือเจ้าของฉายา “The Iron Man” เป็นนักมวยไทยสายบู๊ดุดันที่มีพลังหมัดอันหนักหน่วง พร้อมด้วยความอึดระดับพระกาฬ ปัจจุบันเขาเป็นแชมป์โลก ONE Championship รุ่นฟลายเวต มวยไทย และมีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นทั่วเอเชีย
บัวขาว บัญชาเมฆ ชื่อนี้แทบไม่ต้องอธิบายให้มาก เพราะเขาคือ “ราชันมวยไทย” ที่เคยคว้าแชมป์ K-1 World MAX มาแล้วถึง 2 สมัย และมีประสบการณ์บนสังเวียนมากกว่าร้อยไฟต์ทั่วโลก ชกกับทั้งนักมวยไทยและต่างชาติชนิดไม่เกรงกลัวใคร
เมื่อชื่อของสองยอดนักชกนี้ถูกเอ่ยขึ้นมาด้วยถ้อยคำท้าทาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวไทยจำนวนมากจะออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง หลายคนถึงขั้นตั้งคำถามตรง ๆ ว่า
“กล้าหรือแค่บ้า?”
ชาวเน็ตวิพากษ์: “อย่าดูถูกของจริง” - บางส่วนเข้าใจว่าเป็นการสวนคอมเมนต์
แม้จะมีหลายคนมองว่าคลิปดังกล่าวเป็นเพียงการ “ปั่นกระแส” หรือ “เรียกยอดวิว” แต่อีกฝั่งหนึ่งก็มองว่า เป็นการไม่ให้เกียรติวัฒนธรรมของไทย โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย ซึ่งไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือในการยั่วยุหรือสร้างคอนเทนต์
ด้านชาวเน็ตไทยจำนวนไม่น้อยออกมาเตือนว่า การดูแคลนศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ ไม่เพียงแต่เป็นการลบหลู่ แต่ยังอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในเชิงวัฒนธรรมระหว่างประเทศได้ ยิ่งในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชากำลังอยู่ในช่วงอ่อนไหวจากประเด็นอื่น ๆ อย่างเช่น “ข้อพิพาทชายแดน” หรือ “ประเด็นบ่อนปอยเปต” ที่เพิ่งเป็นข่าวร้อนเมื่อไม่นานมานี้
กระนั้น ในอีกมุมหนึ่งก็มีชาวเน็ตบางกลุ่มที่พยายามเข้าใจชายหนุ่มรายนี้ โดยระบุว่า อาจเป็นเพียงการ “สวนกลับคอมเมนต์” จากฝั่งไทยที่ไปหาเรื่องก่อนก็เป็นได้ ซึ่งในเวลาต่อมา ข้อสันนิษฐานนี้ก็ได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวเอง
หนุ่มกัมพูชาขอโทษแล้ว: “แค่ตอบโต้คอมเมนต์ ไม่ได้ตั้งใจหาเรื่อง”
หลังจากกระแสกดดันจากโลกโซเชียลถาโถมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดชายหนุ่มชาวกัมพูชารายนี้ก็ได้ออกมาทำคลิปวิดีโออีกครั้ง โดยในครั้งนี้ เขาแสดงท่าที “ขอโทษ” ต่อคนไทย พร้อมทั้งอธิบายว่า สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นเพียงการตอบโต้คอมเมนต์จากบางคนที่มากล่าวหาตนก่อน
“ไม่ได้มีเจตนาจะหาเรื่องคนไทย ไม่ได้ต้องการดูถูกมวยไทยเลยแม้แต่นิดเดียว แค่มีบางคนมาเมนต์ด่าผมก่อน ผมเลยตอบกลับไปบ้างเท่านั้นเองครับ”
เขายังเสริมด้วยว่า ตนเองก็ให้ความเคารพในศิลปะมวยไทย และรู้ดีว่า บัวขาวและรถถังเป็นนักมวยที่เก่งจริง แต่ไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องจะบานปลายไปไกลขนาดนี้ พร้อมย้ำว่าไม่มีเจตนาโจมตีวัฒนธรรมไทยหรือบุคคลใดโดยเฉพาะ
มุมสะท้อนจากกรณีนี้: เมื่อโซเชียลมีพลังมากกว่าที่คิด
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพลังของ “โซเชียลมีเดีย” ซึ่งสามารถทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม ศักดิ์ศรี หรือบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียง
แม้เหตุการณ์จะคลี่คลายลงด้วยคำขอโทษจากหนุ่มกัมพูชา แต่กระแสดราม่าที่เกิดขึ้นนี้ก็ทิ้งคำถามสำคัญไว้ให้หลายฝ่าย โดยเฉพาะในเรื่องของ การใช้คำพูด การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม และการเคารพกันในโลกออนไลน์
คลิปท้าทายมวยไทยของหนุ่มกัมพูชากลายเป็นไวรัลที่จุดกระแสถกเถียงในวงกว้าง สะท้อนให้เห็นถึงพลังของโซเชียลที่สามารถสร้างหรือล้มความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือแม้แต่ชาติได้ในพริบตา โชคดีที่เจ้าตัวยอมออกมาขอโทษและอธิบายอย่างตรงไปตรงมา ทำให้กระแสเริ่มซาลง แต่ก็ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญว่า “คำพูดในโลกออนไลน์” มีพลังมากกว่าที่หลายคนคิด และควรใช้อย่างระมัดระวังเสมอ












