ดราม่าพิธีเลี้ยงดง! ร่างทรงเซลฟี่ก่อนเชิญผี คนดูจวกเหมือนละครตลก
ดราม่าพิธีเลี้ยงดงที่แม่เหียะ! โซเชียลวิจารณ์ยับ “เสื่อมศรัทธา - พิธีไร้พลัง” ร่างทรงเซลฟี่เหมือนเล่นละคร พ่อหนานยังไม่ทันเชิญผี ร่างก็เข้าแล้ว?
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 โลกโซเชียลได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับ พิธีเลี้ยงดง ที่จัดขึ้นที่ตำบลแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sorawitn Kantnitrakoon อดีตประธานชมรมสื่อออนไลน์เชียงใหม่ ได้โพสต์ภาพและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานเลี้ยงดงในปีนี้ พร้อมระบุว่า "หมดศรัทธาโดยสิ้นเชิง" กับพิธีที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยความขลังและศักดิ์สิทธิ์
“เคยทำข่าวพิธีเลี้ยงดงมากว่าสิบปี เคยลงพื้นที่จริงจังกับรายการทีวีชื่อดัง ถึงขั้นอยู่ 3 วัน 2 คืน รู้สึกศรัทธาสุดขีด พิธีขลังมากจนขนลุก แต่วันนี้...มันไม่เหลืออะไรแล้ว” — Sorawitn กล่าว
พิธีกรรมที่กลายเป็น “โชว์” บนเวทีสาธารณะ?
จากโพสต์ของ Sorawitn ชี้ให้เห็นว่า พิธีเลี้ยงดงในปัจจุบันดูเหมือนจะสูญเสียแก่นแท้ของความศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ไปจนแทบหมดสิ้น หลายฉากในงานดูคล้าย “การแสดง” มากกว่าจะเป็นพิธีกรรมทางจิตวิญญาณอย่างที่เคยเป็นในอดีต โดยเฉพาะประเด็น ร่างทรง ที่ดูจะไม่เข้าใจพิธีกรรม และดูเหมือนจะ “เล่นใหญ่” กับสื่อมวลชนมากเกินไป
เขายังเล่าด้วยว่า หนึ่งในจุดที่ทำให้รู้สึกผิดหวังมากที่สุดคือ...
1. ร่างทรง “ผีเข้า” ทั้งที่พ่อหนานยังไม่ทันเริ่มพิธี
ในพิธีกรรมแบบดั้งเดิมของเลี้ยงดง จะมีช่วงเวลาสำคัญที่ พ่อหนาน (หมอผี) จะทำการอ่านโองการเชิญดวงวิญญาณของ ปู่แสะ-ย่าแสะ ซึ่งถือเป็นจิตวิญญาณผู้คุ้มครองป่า และเป็นผู้รับเครื่องเซ่นไหว้จากชาวบ้าน แต่ในปีนี้กลับมีร่างทรงที่ แสดงอาการ “ผีเข้า” ล่วงหน้า ทั้งที่พิธียังไม่เริ่ม ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและความเข้าใจในบทบาทของตน
2. ร่างทรง “เซลฟี่-ส่งสายตาเล่นกล้อง” จนเหมือน “ออกคอนเสิร์ต”
หนึ่งในภาพที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักคือ ร่างทรงหญิงที่อ้างตัวเป็นย่าแสะ กลับมีพฤติกรรม ส่งสายตาให้กล้อง ถ่ายรูปกับคนมาร่วมงาน และเล่นกับสื่อราวกับเป็นศิลปินในงานโชว์ตัว ซึ่งสวนทางกับภาพจำของ “ย่าแสะ” ที่เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ผู้สงบนิ่ง มีเมตตา และให้พรชาวบ้านด้วยจิตใจที่มั่นคง
“ย่าแสะปีนี้เหมือนรู้มุมกล้อง ส่งสายตาแบบมืออาชีพ แถมยังเซลฟี่กับแขกงานอีกต่างหาก!” — ชาวโซเชียลรายหนึ่งวิจารณ์
3. พระบด “นิ่งสนิท” ไม่ไหวแม้แต่น้อย
อีกหนึ่งจุดที่กลายเป็น “สัญญาณ” ว่าพิธีอาจไร้พลังในปีนี้ คือภาพของ พระบด ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่ใช้แทนองค์พระพุทธเจ้า และเป็นศูนย์รวมจิตใจในพิธีเลี้ยงดง ปกติแล้วพระบดจะเกิดการพัดแกว่งไปมาโดยไม่มีลม ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสัญญาณของพลังศรัทธาและการรับรู้ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ปีนี้พระบด นิ่งสนิทไม่เคลื่อนไหวเลย
“ปกติแล้วพระบดจะพัดแรงมาก แม้ไม่มีลม ปีนี้แทบไม่ไหว สะท้อนถึงพลังศรัทธาที่ลดลง?” — Sorawitn โพสต์พร้อมภาพประกอบ
4. ไม่มีการกราบพระบด เหมือนเคยมีทุกปี
พิธีดั้งเดิมนั้น ปู่แสะและย่าแสะในร่างทรงจะเข้าไป กราบพระบด เพื่อแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ถือเป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์และซาบซึ้ง แต่ปีนี้กลับมีการ “ฟ้อนรำรอบพระบด” แทน ทำให้หลายคนรู้สึกว่า พิธีถูกลดทอนลงจนไม่เหลือความเคารพ
“เหมือนดูงานปอยหลวงที่เอาความบันเทิงนำหน้า ไม่ใช่งานบุญหรือพิธีกรรม” — ความคิดเห็นจากคนในพื้นที่
5. ปู่แสะ-ย่าแสะ “พูดไทยชัด รู้เรื่องเทศบาล” แต่กลับไม่รู้จักคำสอนธรรมะ?
ชาวบ้านและผู้ร่วมงานยังรู้สึกแปลกใจ เมื่อร่างทรงที่เป็นปู่แสะ-ย่าแสะสามารถ พูดไทยกลางชัดเจน พูดถึงเรื่องระบบราชการ เทศบาล และสถานการณ์โลกยุคใหม่ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่กลับ ไม่ตอบสนองต่อบทสวดแผ่เมตตาและบทรับศีล ซึ่งเป็นหัวใจของพิธีกรรมและศาสนา
“ย่าแสะควรเป็นวิญญาณใจบุญ แต่กลับไม่อินกับบทสวด เหมือนเป็นนักแสดงมากกว่าจิตวิญญาณ” — ความเห็นจากผู้ร่วมงานคนหนึ่ง
สรุป: พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเสื่อมถอย?
พิธีเลี้ยงดงถือเป็น ประเพณีเก่าแก่ที่มีมานับพันปี ในพื้นที่ภาคเหนือของไทย มีความเชื่อว่าการเลี้ยงดงจะช่วยรักษาป่า รักษาสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และแสดงความเคารพต่อวิญญาณที่ดูแลผืนป่า แต่ในวันนี้ กลับมีเสียงสะท้อนว่า พิธีกรรมกำลังเสื่อมถอย และอาจกลายเป็นเพียง “โชว์” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวหรือสื่อมวลชน
“ถ้าผมเป็นปู่แสะ ผมคงต้องพูดว่า ‘สุเขายะอะหยังอยู่ เอาฮามาล้อมาเล่นกา’ (แปลประมาณว่า: พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน? เอาความศักดิ์สิทธิ์มาล้อเล่นหรือ?)” — คำตัดพ้อจากโพสต์ของ Sorawitn
บทสรุปสำหรับสังคม
ดราม่านี้ควรไม่ใช่แค่เสียงวิจารณ์บนโลกโซเชียล แต่ควรเป็น จุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามและทบทวน ว่าประเพณีที่มีคุณค่าทางจิตวิญญาณกำลังเดินไปทางไหน?
การพัฒนาและปรับเปลี่ยนพิธีกรรมเป็นเรื่องจำเป็นในยุคปัจจุบัน แต่การปรับเปลี่ยนควรทำด้วยความเคารพต่อ “รากเหง้า” และ “เจตนารมณ์ดั้งเดิม” ไม่ใช่เปลี่ยนให้กลายเป็นเพียงการแสดงเพื่อเรียกยอดไลก์
เพราะถ้าไม่มีความศรัทธาเหลืออยู่ในพิธีกรรมแล้ว… งานที่เรียกว่า “เลี้ยงดง” ก็อาจเป็นเพียง “งานวัด” ที่ขาดวิญญาณของบรรพบุรุษอย่างแท้จริง
หากคุณมีความเห็นเกี่ยวกับพิธีกรรมโบราณที่ถูกปรับเปลี่ยนในยุคใหม่ คุณคิดเห็นอย่างไร? ควรประยุกต์ให้ร่วมสมัย หรือควรรักษาความดั้งเดิมไว้? ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ในคอมเมนต์ด้านล่าง 👇




















